บริษัท Sino Logistics Corporation (SINO) ฉลองครบรอบ 15 ปี จากจุดเริ่มต้นในฐานะบริษัทตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้าทางทะเล สู่การเป็นผู้นำโลจิสติกส์ระหว่างประเทศครบวงจรชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการก่อตั้งสำนักงานใหม่หลายแห่งในหลายประเทศ พร้อมเพิ่มเครือข่ายการขนส่งให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาค และขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในเครือข่ายอย่างไม่หยุดยั้ง

นับเป็นเวลา 15 ปีที่บริษัท Sino Logistics Corporation (SINO) ได้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้า รวมถึงบริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมแก่ลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งยังเดินหน้าขยายธุรกิจและขอบข่ายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง จนนำมาซึ่งความสำเร็จในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศครบวงจรชั้นนำของไทย ยิ่งไปกว่านั้น SINO ยังมุ่งมั่นขยายโอกาสในการเติบโตทั้งในแง่ของธุรกิจและบริการ ด้วยการขยายเครือข่ายการขนส่งทางเรือจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังสหรัฐอเมริกา รวมถึงธุรกิจคลังสินค้าและบริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศ พร้อมแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อก้าวสู่สถานะผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค
เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 15 ปี ของ SINO นิตยสาร LM ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Sino Logistics Corporations เพื่อย้อนรอยความสำเร็จของบริษัทฯ ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา พร้อมสำรวจแผนธุรกิจและการให้บริการในปัจจุบันและอนาคตที่จะนำพา SINO ให้มุ่งหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
Non-Stop Advancement
บริษัท Sino Logistics Corporation (SINO) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2010 ในฐานะผู้ให้บริการตัวแทนรับจัดการส่งสินค้าทางทะเลในเส้นทางการค้าไทย-สหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อเดิม ‘Sino Connections Logistics’ โดยในระยะเริ่มต้นบริษัทฯ เติบโตจากการเป็นผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางทะเลเป็นหลัก ก่อนจะขยายบริการขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อาทิ บริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศ บริการขนส่งสินค้าโครงการ จากนั้นในปี 2013 บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทในเครือเพื่อให้บริการขนส่งสินค้าทางบกและข้ามพรมแดนโดยเฉพาะ ในชื่อ Inter Connections Logistics (ICL) นอกจากนี้ยังได้ลงทุนก่อตั้งสำนักงานสาขาแหลมฉบังเมื่อปี 2019 พร้อมขยายบริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ อาทิ การดำเนินพิธีศุลกากร บริการตัวแทนออกของ และบริการคลังสินค้าที่แหลมฉบัง ซึ่งการขยายบริการอย่างต่อเนื่องนี้ได้ยกระดับให้ SINO ก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างเต็มตัว
หลังจากขยายธุรกิจบริการรับจัดการขนส่งสินค้าอย่างครอบคลุมแล้ว บริษัทฯ ได้ทำการรีแบรนด์บริษัทใหม่ในชื่อ Sino Logistics Corporation เมื่อปี 2021 พร้อมเดินหน้าลงทุนพัฒนาธุรกิจต่างๆ ให้ครอบคลุมซัพพลายเชนการขนส่งสินค้าทั้งหมดมากยิ่งขึ้น ทั้งการเปิดคลังสินค้าในพื้นที่แหลมฉบัง และการก้าวเป็นผู้ปฏิบัติการตู้ ISO tank ระดับมืออาชีพ

ต่อมาในปี 2023 บริษัท SINO ได้บรรลุอีกหนึ่งหลักชัยสำคัญจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ไม่หยุดเพียงการเป็นตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่ยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจและขยายโอกาสการเติบโตอย่างเต็มที่เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค
โดยคุณนันท์มนัส ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นและการเติบโตของ SINO ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาว่า “เราเริ่มต้นด้วยธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มุ่งเน้นตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก โดยในปีแรกเรามีพนักงานเพียงแปดคน ก่อนที่จะขยายการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของการลงทุนเปิดบริษัท Inter Connections Logistics การขยายธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศ การเพิ่มสำนักงานที่แหลมฉบังการขยายขอบข่ายการให้บริการโลจิสติกส์เพิ่มเติม อาทิ การเปิดและให้บริการคลังสินค้า และตู้ ISO tank ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2023 เรายังได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยทุนจดทะเบียน 520 ล้านบาท พร้อมเปิดคลังสินค้าหลังที่สอง เพราะฉะนั้นการเติบโตของเราจากธุรกิจตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ สู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์เต็มรูปแบบจึงค่อนข้างชัดเจนและพิสูจน์ได้”
Steady Growth

ปัจจุบัน SINO มีการเติบโตในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศครบวงจร โดยเฉพาะในเส้นทางการค้าไทย-สหรัฐอเมริกา บริษัทฯ มีปริมาณการขนส่งสินค้าเป็นอันดับสามของโลก และเป็นอันดับหนึ่งในไทย โดยบริษัทฯ มีเครือข่ายการส่งสินค้าระดับโลกให้การสนับสนุนถึงสามเครือข่าย อาทิ WCA, PPL และ X2 รวมถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลและสายการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าว บริษัทฯ จึงสามารถให้บริการรับจัดส่งสินค้าได้หลากหลายประเภท และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว จนนำมาซึ่งสถานะผู้นำด้านการให้บริการขนส่งสินค้าในเส้นทางดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการรับรองความร่วมมือด้านการค้าศุลกากรเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย (Customs-Trade Partnership Against Terrorism: C-TPAT) จากหน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐอเมริกา (U.S. Customs and Border Protection: CBP) เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและความมุ่งมั่นในการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
Regional Network Expansion
ด้วยเป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับภูมิภาค SINO ได้ขยายเครือข่ายการให้บริการในเส้นทางการค้าระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังวางแผนขยายเครือข่ายการขนส่งไปยังเส้นทางการค้าใหม่ๆ โดยคุณนันท์มนัส เปิดเผยว่า “สำหรับธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าทางเรือ เราตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณการส่งสินค้าและเพิ่มเครือข่ายสำนักงานภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงขยายตลาดการส่งออกไปยังเส้นทางการค้าในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง โดยในการเริ่มต้นขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาค เราได้ขยายสำนักงานไปยังประเทศมาเลเซียและเวียดนาม อีกทั้งยังมีแผนเปิดสำนักงานหลักที่อินโดนีเซียในไตรมาสที่สามของปีนี้ด้วย”
ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา SINO ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน Sino Worldwide Logistics Sdn. Bhd. ในประเทศมาเลเซีย พร้อมนำเสนอโซลูชันโลจิสติกส์ครบวงจร อีกทั้งยังจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรในเวียดนามเพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายการขนส่งสินค้าในเส้นทางเวียดนามไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป และรองรับการส่งออกสินค้าจากจีนมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ SINO ได้วางแผนขยายธุรกิจสนับสนุนบริการโลจิสติกส์อย่างบริการคลังสินค้าให้มากยิ่งขึ้นด้วย โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้เปิดคลังสินค้าปลอดอากร (Free Zone) แห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งมีพื้นที่กว่า 7,992 ตารางเมตร เมื่อรวมกับคลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าปลอดอากรสองแห่งที่บริษัทฯ ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน SINO จะมีพื้นที่คลังสินค้าถึง 28,000 ตารางเมตร ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น นอกจากนี้ คลังสินค้าปลอดอากรแห่งใหม่ล่าสุดยังมีผู้เช่าพื้นที่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์แล้วชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
คุณนันท์มนัส ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่านอกจากการเพิ่มคลังสินค้าปลอดอากรแห่งใหม่ในนิคมฯ แหลมฉบังแล้ว บริษัทฯ ยังมีแผนในการขยายคลังสินค้าไปยังพื้นที่จังหวัดระยองด้วย ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังวางแผนขยายธุรกิจการขนส่งทางบกภายในประเทศและการขนส่งข้ามพรมแดน ผ่านบริษัท Inter Connections Logistics ด้วยการเพิ่มกองรถหัวลากเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน SINO ยังวางแผนขยายธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศ ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเร็วๆ นี้ บริษัทฯ จะมีการควบรวมกิจการกับบริษัทตัวแทนรับจัดการขนสินค้าทางอากาศแห่งหนึ่งด้วย “SINO มีแผนการที่ชัดเจนในการดันรายได้ให้ถึง 10,000 ล้านบาท ภายในห้าปีข้างหน้า ผ่านการขยายเครือข่ายสำนักงานและพื้นที่ให้บริการของ Sino Worldwide ในต่างประเทศให้มากขึ้น รวมถึงการควบรวมกิจการกับบริษัทตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศ การเปิดตัวคลังสินค้าให้มากขึ้น และการขยายกองรถบรรทุกขนส่งสินค้า ซึ่งล้วนจะสนับสนุนให้รายได้ของเรามีการเติบโตมากยิ่งขึ้น” คุณนันท์มนัส กล่าว
Power of Support
ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจและบริการควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของทีมผู้บริหารของบริษัทฯ แล้ว ลูกค้าก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ SINO เติบโตขึ้นจากบริษัทผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางทะเลที่มีพนักงานเพียงแปดคน สู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำ โดยคุณนันท์มนัส ได้กล่าวถึงแรงสนับสนุนจากลูกค้าที่เชื่อมั่นเหล่านี้ว่า “SINO ต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านตั้งแต่วันแรกที่ให้บริการจนกระทั่งถึงวันที่เราเดินทางมาครบรอบ 15 ปี ลูกค้าทุกท่านมีความสำคัญกับเรามาเสมอ และเราก็รู้ถึงความรักที่ลูกค้าทุกท่านมีให้เสมอมา เราจึงพยายามตอบแทนด้วยการมอบบริการที่ดีและการนำสิ่งที่ดีต่างๆ เช่น ราคาที่ดี พื้นที่ระวางเรือที่เหมาะสม การขนส่งทางอากาศที่ดีขึ้น รวมถึงการขยายคลังสินค้าให้ครบครันมากขึ้นให้แก่ลูกค้า โดยเราหวังว่าความตั้งใจเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าที่อยู่กับ SINO มาตลอด จะอยู่กับเราต่อไปเรื่อยๆ”
นอกเหนือจากเหล่าลูกค้าที่คอยให้การสนับสนุนมาตลอด ยังมีเหล่าพันธมิตรทางธุรกิจที่คอยช่วยเหลือ แบ่งปันความเชื่อมั่นและความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ จนทำให้ SINO สามารถขยายบริการได้อย่างกว้างไกลและต่อเนื่องไปสู่อนาคต ซึ่งคุณนันท์มนัส ได้กล่าวถึงอีกหนึ่งแรงผลักดันนี้ว่า “ตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมา เรามีพันธมิตรมากมาย ซึ่งทุกๆ คนที่เราได้ร่วมงานกันล้วนแต่เป็นพันธมิตรที่ดี มีความจริงใจ และให้บริการที่ดีแก่เราเสมอมา เราต้องขอบคุณพันธมิตรทุกคนที่ให้บริการแก่ SINO มาตั้งแต่วันแรก และได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญมากส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเติบโตได้อย่างทุกวันนี้”
ด้วยความมุ่งมั่นอันไม่มีที่สิ้นสุด SINO จึงขยายธุรกิจและบริการอย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 15 ปี และได้ผ่านหลักชัยสำคัญต่างๆ มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งบริษัทในเครือ การขยายขอบข่ายการให้บริการโลจิสติกส์แก่ลูกค้า การรีแบรนด์บริษัท หรือการเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยในอนาคต SINO จะยังคงสานต่อความมุ่งมั่นนี้ ด้วยการขยายเครือข่ายสำนักงานหลักให้ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขยายซัพพลายเชนการขนส่งให้ครบวงจร และเปิดให้บริการคลังสินค้าเพิ่มยิ่งขึ้น เพื่อก้าวเป็นผู้นำบริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศครบวงจรในไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่