LEO เดินหน้าขยายฐานธุรกิจใหม่ ดันผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมยกระดับโลจิสติกส์ทางรางระหว่างไทย-จีน

0
269

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท LEO Global Logistics (LEO) ได้ประกาศมติจากผู้ถือหุ้นในการจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานปี 2024 ในอัตรา 0.14 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลรวม 44.1 ล้านบาท เดินหน้าแผนกลยุทธ์ ‘LEO Go Green’ ที่จะสร้างการเติบโตและผลกำไรขั้นต้นราว 20 เปอร์เซ็นต์ พร้อมความมั่นใจในผลประกอบการปี 2025 เติบโตต่อเนื่อง

ในปี 2025 บริษัท LEO ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่การขนส่งและโลจิสติกส์ หรือ Non-Freight และ Non-Logistics เป็น 30-35 เปอร์เซ็นต์จากรายได้รวมของบริษัทฯ พร้อมแผนยกระดับศูนย์จัดกระจายสินค้าและคลังสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงโครงการภายใต้แผนธุรกิจปี 2025 อีกหลายโครงการ เพื่อรองรับแนวโน้มด้านโลจิสติกส์ในอนาคต

คุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LEO กล่าวว่า “การจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้เป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจในบริษัทฯ เรามั่นใจว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแผนยุทธศาสตร์ ‘LEO Go Green’ ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมมุ่งมั่นต่อยอดจากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics สร้างผลกำไรจากศูนย์จัดกระจายสินค้าและคลังสินค้าให้เติบโตตามเป้าหมาย 20 เปอร์เซ็นต์”

นอกเหนือจากธุรกิจ Non-Freight บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นขยายโอกาสในภาคธุรกิจการขนส่ง (Freight) มุ่งเน้นการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศไปยังประเทศอินเดียและประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพในการขยายฐานธุรกิจการส่งออก อีกทั้งยังเป็นกลุ่มการค้าที่มีกำลังซื้อสูงและต้องการสินค้าคุณภาพดีจากต่างประเทศ โดยในไตรมาสที่สองนี้ตรงกับช่วงฤดูกาลผลไม้ของไทย บริษัท LEO Sourcing & Supply Chain บริษัทในเครือของ LEO จึงได้ร่วมลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) กับสำนักงานพาณิชย์เมือง Kunming เพื่อส่งเสริมและพัฒนาแผนการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกทุเรียนสดและแช่แข็งผ่านเส้นทางขนส่งทางรางไทย-ลาว-จีน ซึ่งผู้นำเข้าสินค้า พร้อมด้วยตัวแทนจากสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนและสมาคมการผ่านพิธีการศุลกากรของเมือง Kunming ได้ลงพื้นที่ศึกษาและเยี่ยมชมสวนทุเรียนและโรงบรรจุทุเรียนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อสร้างความเข้าใจในกระบวนการผลิตและการส่งออก เตรียมต่อยอดอุตสาหกรรมส่งออกทุเรียนไทย พร้อมประชุมหารือเรื่องการจัดซื้อและบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนสู่ประเทศจีน เพื่อผลักดันการส่งออกทุเรียนไทยสู่มือผู้บริโภคชาวจีนให้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ LEO ยังมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาระบบขนส่งรถไฟไทย-จีนทางตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Reefer) ให้เป็นระบบขนส่งแบบไป-กลับ (Round trip) ซึ่งมีสินค้าในตู้ทั้งขาไปและขากลับ ระหว่างประเทศไทยและจีน โดย LEO จะเป็นผู้จัดหาสินค้าส่งออกจากไทยไปยังจีน จากนั้นประเทศจีนจะช่วยสรรหาสินค้าส่งออกจากจีนกลับมายังไทย โดยจะให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟจากไทยตรงสู่เมือง Kunming ผ่านทางประเทศลาว จากนั้นจึงขยายการขนส่งสินค้าต่อไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศจีน ด้วยความเชี่ยวชาญในการให้บริการโลจิสติกส์ทั่วโลกแบบครบวงจร พร้อมด้วยเครือข่ายของ LaneXang Express ทั้งในไทยและจีน LEO จึงสามารถช่วยยกระดับการให้บริการสู่มาตรฐานสากล ผลักดันการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างไทย-จีนให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับผู้ส่งออกและนำเข้าในไทยและจีน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกผลไม้ สินค้าเกษตร และสินค้าอื่นๆ

คุณเกตติวิทย์กล่าวเสริมว่า “เรายังคงมั่นใจในศักยภาพและความมั่นคงของบริษัทฯ อีกทั้งที่ผ่านมา LEO ก็ได้รับการยอมรับในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย โดยมีการเติบโตและขยายธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง อาทิ การขนส่งทางราง ธุรกิจ Non-Freight การพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืน รวมถึงผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความพร้อมของบริษัทฯ ในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนในระยะยาว”


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Röhlig Logistics ใน Melbourne ประสบความสำเร็จในการย้ายเข้าสำนักงานและคลังสินค้าแห่งใหม่
บทความถัดไปSino Logistics Corporation ฉลองครบรอบ 15 ปี เดินหน้าขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค เพิ่มเครือข่ายเส้นทางการค้า มุ่งสู่การเป็นผู้นำบริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร
Viboonwat Chaidamrongrittikul
A guy with a passion for sharing stories, hoping it brings you positive vibes and inspiration.