สหไทย เทอร์มินอล (Sahathai Terminal) ได้รับความไว้วางใจในการมอบบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยกลยุทธ์การมุ่งมั่นพัฒนาบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอบริการขนส่งสินค้าที่หลากหลาย ครบวงจร และได้มาตรฐานระดับสากล ผ่านบริษัทในเครือหลายบริษัท อาทิ Bangkok Barge Terminal, Bangkok Barge Service, Bangkok Container Depot Service, และ Bangkok Trucking Service ส่งผลให้ Sahathai Terminal เป็นผู้ให้บริการรายสำคัญรายหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน

นิตยสาร LM ฉบับนี้ มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณมินทร์รวี โพธิ์ดี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ และคุณสุภาพร ทารักษา ผู้จัดการอาวุโสด้านการขนส่งสินค้าและการบริการลูกค้า จากบริษัท Sahathai Terminal คุณธนกร อิทธิพงศ์เมธี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Bangkok Barge Terminal และคุณกมล สัจจา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Bangkok Trucking Service เกี่ยวกับบริการโซลูชันโลจิสติกส์ และหลักการในการให้บริการของ Sahathai Terminal และบริษัทในเครือ พร้อมพูดคุยถึงจุดเด่นของบริการและแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตของแต่ละบริษัท

Sahathai Terminal

คุณมินทร์รวี โพธิ์ดี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ บริษัท Sahathai Terminal

ท่าเรือสหไทย เทอร์มินอล (Sahathai Terminal) ในฐานะผู้นำในธุรกิจท่าเรือเอกชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีบริการหลากหลาย บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการใหม่ๆ และปรับปรุงบริการที่มีอยู่เดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทในเครือทุกแห่งจะส่งมอบบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าเสมอ

คุณมินทร์รวี กล่าวว่า “การทำงานของทีมงาน Sahathai Terminal จะให้ความสำคัญกับคุณภาพในการบริการกับทางลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อให้เราสามารถส่งมอบบริการที่ดีและตรงต่อความต้องการของลูกค้ามากที่สุด อีกทั้งยังเตรียมพร้อมในการสนับสนุนและช่วยเหลือลูกค้าในการแก้ปัญหาต่างๆ ของพวกเขา เพื่อให้การนำเข้า-ส่งออก และการปฏิบัติการขนส่งเป็นไปอย่างราบรื่น ควบคู่ไปกับการส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ภายใต้ต้นทุนที่คุ้มค่าและเหมาะสมที่สุด” 

นอกเหนือจากการพัฒนาคุณภาพบริการให้ตรงต่อความต้องการของลูกค้าภายในประเทศแล้ว Sahathai Terminal ยังยกระดับการให้บริการเป็นท่าเทียบเรือชั้นนำระดับนานาชาติ ผ่านการวางแผนขยายบริการขนส่งข้ามพรมแดน และสนับสนุนด้านการขนส่งสินค้าของกลุ่มลูกค้าในเอเชียให้มากยิ่งขึ้น “ในปี 2024 ที่จะถึงนี้ บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายการบริการของท่าเรือและบริการอื่นๆ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้นำเข้า-ผู้ส่งออกและสายการเดินเรือ ด้วยบริการเช่น ท่าเรือ คลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) เขตปลอดอากร (Free Zone) รถบรรทุกหัวลาก และบริการอื่นๆ โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าในหลากหลายภูมิภาค อาทิ ประเทศจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี และอินเดีย ที่ต้องการนำเข้าหรือส่งออกสินค้ามายังใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย” คุณมินทร์รวี กล่าวเสริม

ทีมงานฝ่ายขายของบริษัท Sahathai Terminal

Freight & Customer Service

คุณสุภาพร ทารักษา ผู้จัดการอาวุโสด้านการขนส่งสินค้าและการบริการลูกค้าบริษัท Sahathai Terminal

ปัจจุบัน ตลาดทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของความต้องการด้านโลจิสติกส์เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้น การที่บริษัทใดมีบริการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ที่แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด รวดเร็ว คุ้มค่า และให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้าได้ ถือเป็นข้อได้เปรียบในอุตสาหกรรมฯ บริษัท Sahathai Terminal จึงได้เล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจผ่านการเปิดตัวบริการ Freight & Customer Service ซึ่งเป็นบริการรับจัดการขนส่งสินค้า (freight forwarding) ที่มุ่งเน้นบริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ครอบคลุม ด้วยทีมงานมากประสบการณ์ มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในกระบวนการโลจิสติกส์ตลอดซัพพลายเชนเป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน ทาง Sahathai Terminal ได้เปิดให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าจากและไปยังสี่เส้นทางการค้าหลัก อาทิ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลางและอินเดีย และเอเชีย

โดยคุณสุภาพร กล่าวว่า “เราเปิดบริการ Freight & Customer Service เพื่อรองรับการขยายตัวของความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงรองรับการขยายเส้นทาง Cross Border ท่าเรือไปยังประเทศต่างๆ นอกจากนี้เรายังช่วยขยายโอกาสในการขายในเส้นทางต่างๆ ของสายการเดินเรือ ที่เข้ามาใช้บริการท่าเรือสหไทยเช่นกัน ด้วยความคุ้นเคยและเข้าใจกระบวนการทำงานของท่าเรือ ลานตู้สินค้า และคลังสินค้า ทำให้เรามองเห็นภาพรวมในการจัดการขนส่งสินค้าให้ราบรื่น ด้วยโซลูชันบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด อีกทั้ง ลูกค้ายังสามารถใช้สิทธิประโยชน์จากบริษัทในเครือและพันธมิตรของ Sahathai Terminal อย่าง Bangkok Barge Terminal (BBT) และ Bangkok Trucking Service (BTS) ได้อีกด้วย”

เนื่องจากบริการนี้ของ Sahathai Terminal มุ่งเน้นให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก ดังนั้น เป้าหมายหลักภายในปีหน้าของภาคส่วนบริการตัวแทนรับการจัดการขนส่งสินค้าจึงได้มีการวางแผนสร้างพันธมิตรในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อขยายฐานธุรกิจของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมและสร้างเครือข่ายการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนให้แข็งแกร่งมากขึ้น โดยคาดว่าอัตราการขนส่งนำเข้าและส่งออกสินค้าจะเพิ่มขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

Bangkok Container Depot Service (BCDS)

Bangkok Container Depot Service หรือ BCDS คือผู้ให้บริการลานจัดเก็บตู้สินค้าเปล่า (Depot) ในเครือบริษัท Sahathai Terminal ตั้งอยู่บริเวณถนนปู่เจ้าสมิงพราย ใกล้กับถนนวงแหวนอุตสาหกรรมและสะพานภูมิพล นับเป็นหนึ่งในลานจัดเก็บตู้สินค้าเปล่าขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงได้สะดวกและใกล้เคียงกับศูนย์กลางของกรุงเทพฯ มากที่สุด

โดยลานจัดเก็บตู้สินค้าเปล่าแห่งนี้ให้บริการตรวจสอบสภาพตู้สินค้า ทำความสะอาด บำรุงรักษา ซ่อมแซม รวมถึงอัพเกรดตู้สินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของ Sahathai Terminal รวมถึงลูกค้าจากท่าเรืออื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

โดยคุณมินทร์รวี กล่าวว่า “ด้วยตำแหน่งที่ตั้งลานตู้เปล่าที่ใกล้ท่าเรือ รวมถึงการให้บริการที่สามารถรองรับตู้สินค้าภายในท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแม่น้ำ ทำให้ลานตู้สินค้าเปล่า BCDS ของเราได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า และมีปริมาณตู้สินค้าเพิ่มมากขึ้น และได้มีการวางแผนที่จะขยายลานตู้เปล่า BCDS ขึ้นอีกในเร็วๆ นี้ เพื่อให้ลานตู้สินค้าเปล่าของเรามีกำลังในรองรับตู้สินค้าได้มากขึ้น”

Bangkok Barge Service (BBS)

ปัจจุบัน ความนิยมในการขนส่งตู้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กำลังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัท Bangkok Barge Service (BBS) ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าชายฝั่ง จึงมุ่งมั่นพัฒนาบริการของบริษัทฯ อย่างไม่หยุดยั้ง โดยในปีที่ผ่านมา BBS ถือเป็นผู้ให้บริการอันดับหนึ่งของประเทศไทยที่สามารถรองรับการขนส่งตู้สินค้าได้มากกว่า 500,000 ทีอียูต่อปี ผ่านเส้นทางบริการทั้งภายในประเทศระหว่างกรุงเทพ-แหลมฉบัง และขยายไปยังต่างประเทศ ไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศ CLMV ด้วยกองเรือขนส่งสินค้าชายฝั่งที่ครอบคลุม รวดเร็ว ปลอดภัย และตรงต่อเวลา

ในฐานะผู้จัดการทั่วไปของบริษัท BBS คุณมินทร์รวี กล่าวว่า “สำหรับบริการของ BBS เรายึดหลักการการทำงานที่ต้องมีความแม่นยำ เที่ยงตรง และมีคุณภาพ เพื่อให้ตู้สินค้าเดินทางไปถึงที่หมายได้อย่างตรงเวลา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การขนส่งเรือชายฝั่งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและกลายเป็นผู้ให้บริการเรือขนส่งสินค้าชายฝั่งอันดับหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัท BBS ยังให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เรือปฎิบัติการขนส่งสินค้าของเรา จึงใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในการปฏิบัติการ”

“ด้วยปริมาณตู้สินค้าที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงเตรียมการการขยายเส้นทางการค้าข้ามพรมแดน รวมไปถึงส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางการเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริการของ Sahathai Terminal และ BBS”

Bangkok Barge Terminal (BBT)

คุณธนกร อิทธิพงศ์เมธี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Bangkok Barge Terminal

ท่าเทียบเรือ BBT หรือ Bangkok Barge Terminal นอกจากจะทำหน้าที่เป็นท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าชายฝั่งแล้ว ยังทำหน้าที่สนับสนุนการขนส่งตู้สินค้าจากกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียงไปยังท่าเรือแหลมฉบังในฐานะสถานีจัดการและบรรจุตู้สินค้า (River Inland Container Depot) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมศุลกากรในขนถ่ายสินค้าไปยังท่าเรือแหลมฉบังได้โดยตรง  ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้า ในการส่งตู้สินค้าได้อย่างเที่ยงตรงและรวดเร็ว

นอกจากนี้ ตำแหน่งที่ตั้งของ BBT ยังเป็นพื้นที่สามารถให้บริการเรือชายฝั่งและรถขนส่ง ที่รถบรรทุกสามารถปฏิบัติการได้ตลอดเวลา สร้างข้อได้เปรียบได้ด้านเวลาในการขนส่งสินค้า ทำให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการซัพพลายเชนมากยิ่งขึ้น

“ประเทศไทยอยู่คู่กับแม่น้ำมาอย่างยาวนาน ดังนั้น การพัฒนาท่าเรือแม่น้ำจึงมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการขนส่งทางแม่น้ำให้พัฒนาไปสู่ระดับนานาชาติและยังเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้าปริมาณมาก โดยปีหน้าเราวางเป้าหมายที่จะขยายลานจัดเก็บตู้สินค้าให้สามารถรองรับตู้สินค้าได้มากกว่า 180,000 ทีอียูต่อปีเพื่อตอบสนองต่อการขนส่งของท่าเรือเลียบชายฝั่งที่มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี” คุณธนกร กล่าว

Bangkok Trucking Service (BTS)

คุณกมล สัจจา ผู้จัดการทั่วไป (ซ้าย) และ
คุณธัณย์สิตา คณาพงษ์พัชรกุล ผู้จัดการฝ่ายขาย (ขวา) บริษัท Bangkok Trucking Service

Bangkok Trucking Service (BTS) คือผู้ให้บริการรถบรรทุกหัวลากสำหรับขนส่งตู้สินค้า ในเครือ Sahathai Terminal โดยให้บริการรับส่งตู้สินค้าจากและไปยังท่าเรือ ด้วยเครือข่ายรถบรรทุกที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับการขนส่งตู้สินค้ากว่า 150,000 ทีอียูต่อปี อีกทั้งยังเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญเครือข่ายบริการ One-Stop Service ของ Sahathai Terminal อีกด้วย

คุณกมล กล่าว “ปรัชญาการทำงานที่สำคัญที่สุดของเราก็คือ การมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ซึ่งลูกค้าสามารถออกแบบรูปแบบการขนส่งได้ด้วยตนเอง โดยเรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด และเรายึดถือหลักว่า “KPI ของลูกค้าคือ KPI ของเรา” เราจึงเตรียมพร้อมในการขนส่งสินค้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าจะถูกส่งไปยังจุดหมายปลายทางได้ตรงตามเงื่อนไขที่ลูกค้าต้องการทั้งหมด”

“ยิ่งไปกว่านั้น ทางบริษัทฯ ได้มีการนำเทคโนโลยีในการติดตามสินค้า (GPS) มาใช้ในกระบวนการขนส่ง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการยกระดับการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด”

“บริการรถบรรทุกหัวลากจาก BTS ถือเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญในการสร้างบริการขนส่งแบบ One-Stop Service ให้กับ Sahathai Terminal และเพื่อให้สามารถบริการได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น BTS ได้วางเป้าหมายที่จะขยายกองรถเพื่อให้เข้าไปรับสินค้าได้ถึงหน้าโรงงานของลูกค้า และจะเพิ่มบริการส่งสินค้าแบบหลายจุดหมายปลายทาง (Multi-drop) เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในอนาคต รวมไปถึงการขยายพื้นที่ให้บริการบริเวณท่าเรือแหลมฉบังเพื่อให้ถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ Eastern Economic Corridor (EEC) อีกด้วย”

ท้ายที่สุดนี้ ความสำเร็จตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาล้วนเกิดจากการสร้างความแตกต่างในอุตสาหกรรมด้านบริการโลจิสติกส์และโซลูชันต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้งของ Sahathai Terminal พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญของทีมงานฝ่ายขายและทุกๆ ฝ่ายที่ร่วมกันส่งมอบบริการแก่ลูกค้าด้วยความใส่ใจ ทำให้บริษัทฯ สามารถบรรลุหลักชัยสำคัญได้อย่างทุกวันนี้ ซึ่งสนับสนุนให้ Sahathai Terminal มีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่ทศวรรษต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Wan Hai Lines จัดพิธีตั้งชื่อเรือ WAN HAI A05 และ WAN HAI A06
บทความถัดไปInterasia Lines เปิดตัวบริการ IEA เชื่อมเส้นทาง Intra-Asia สู่แอฟริกาตะวันออก