แม้ว่าการขนส่งทางเรือจะเป็นวิธีการขนส่งที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าได้ในปริมาณที่มากกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการขนส่งที่มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุด และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโลกเป็นวงกว้าง ด้วยความตระหนักถึงประเด็นดังกล่าวนี้ผู้ให้บริการท่าเรือทั่วโลกจึงตั้งเป้าหมายในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด Green Port ซึ่งหมายถึงการปฏิบัติการท่าเรือด้วยแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

สำหรับ HPT การปรับใช้แนวคิด Green Port ภายในท่าเทียบเรือหมายถึงการเป็นผู้นำในด้านการจัดการท่าเทียบเรือ การศึกษาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้งาน และดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบทั้งต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 บริษัทฯ จึงได้ปรับปรุงภาพรวมด้านสิ่งแวดล้อมในท่าเทียบเรือที่ปฏิบัติการอยู่ พร้อมเริ่มต้นพัฒนาท่าเทียบเรือชุดดี ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือใหม่ที่เริ่มเปิดให้บริการเรือลำแรกเมื่อปี 2018 และติดตั้งเครื่องมือปฏิบัติการภายในท่าที่ทันสมัยและขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก อาทิ ประตูตรวจสอบตู้สินค้าอัตโนมัติ เครื่องมือยกขนตู้สินค้าควบคุมจากระยะไกล รถหัวลากอัตโนมัติไร้คนขับ และรถหัวลากพลังงานไฟฟ้า ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ได้รับมอบเพิ่มเติมอีก 18 คัน ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งจะเข้ามาร่วมกองรถพลังงานสะอาดและเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในการช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในท่าเทียบเรือ

เพราะสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ HPT จึงไม่เคยหยุดยั้งที่จะเป็นตัวอย่างท่าเทียบเรือที่มีความก้าวหน้าและล้ำสมัยในด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ความมุ่งมั่นนี้สามารถสังเกตได้ตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ท่าเทียบเรือชุดดี เริ่มต้นจากประตูตรวจสอบตู้สินค้าอัตโนมัติ หรือ Gate Automation ที่ HPT ได้พัฒนาขึ้นเพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการยืนยันตัวตนและตรวจสอบข้อมูลตู้สินค้ากับเจ้าหน้าที่ ซึ่งยังเป็นการลดปริมาณการใช้กระดาษ ด้วยการใช้ฮาร์ดแวร์และระบบดิจิทัลแทน ส่งผลให้เกิดประโยชน์ในการอนุรักษ์ต้นไม้ และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตและกำจัดกระดาษใช้แล้ว

ถัดจากประตูตรวจสอบตู้สินค้า เทคโนโลยีแห่งความยั่งยืนที่ปรากฏเด่นชัดภายในท่าเทียบเรือชุดดี คือปั้นจั่นยกขนตู้สินค้าหน้าท่าและปั้นจั่นยกขนตู้สินค้าแบบล้อยางพลังงานไฟฟ้าที่ควบคุมจากระยะไกลในลาน ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพการทำงานของพนักงาน ด้วยความสะดวกสบายจากการทำงานในห้องควบคุมระยะไกล พร้อมข้อได้เปรียบด้านการลดอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ Scope 1 โดยที่ยังคงประสิทธิภาพปฏิบัติการได้อย่างยอดเยี่ยม

HPT ยังเป็นผู้ให้บริการท่าเทียบเรือในประเทศไทยรายแรกที่นำรถหัวลากอัตโนมัติไร้คนขับมาใช้งานควบคู่กับรถหัวลากพลังงานไฟฟ้า โดยรถหัวลากอัตโนมัติได้ติดตั้งเทคโนโลยีทันสมัยต่างๆ อาทิ เซนเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง กล้อง AI และระบบนำทางด้วยดาวเทียม จึงสามารถปฏิบัติการร่วมกับรถหัวลากที่มีคนขับได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ยิ่งไปกว่านั้น รถหัวลากทั้งสองประเภทของ HPT ยังสามารถใช้งาน Battery Swap Station ร่วมกันได้ จึงทำให้ขั้นตอนการเปลี่ยนแบตเตอรี่มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เหมาะสมกับการปฏิบัติการภายในท่าเทียบเรือที่จำเป็นต้องมีการดำเนินการที่ต่อเนื่องอยู่เสมอ

ทั้งนี้ การใช้รถหัวลากพลังงานไฟฟ้าทั้งสองประเภทสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษได้หลายเท่า เมื่อเทียบกับการใช้รถหัวลากเชื้อเพลิงดีเซล ดังนั้น การเพิ่มจำนวนรถหัวลากไฟฟ้าทั้ง 18 คันในครั้งนี้จึงส่งเสริมปฏิบัติการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ HPT ให้ดียิ่งขึ้น

ความสามารถในการจัดการท่าเทียบเรือของ HPT นอกเหนือจากการปรับใช้นวัตกรรมต่างๆ แล้วยังสามารถเห็นได้จากการคว้ารางวัล Green Port Award System 2022 (GPAS) ที่มอบให้ผู้ให้บริการท่าเทียบเรือที่ผ่านเกณฑ์ด้านความสามารถและการจัดการ รวมถึงมีความเป็นผู้นำในด้านการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม APEC Port Services Network (APSN) และการรับรอง ISO 14001:2015 ที่ได้รับเมื่อปี 2023 สำหรับการปฏิบัติการในท่าเทียบเรือ A3 และ C1C2 ซึ่งรับรองความน่าเชื่อถือในด้านการป้องกันมลพิษ การจัดการคุณภาพอากาศ การจัดการของเสีย การบำบัดน้ำเสีย การประหยัดพลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อันเป็นคุณสมบัติที่ท่าเทียบเรือสีเขียวควรมี

โดยรางวัลและการรับรองดังกล่าว ยังสะท้อนความสามารถในการจัดการและความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมทุกท่าเทียบเรือของ HPT ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ด้วยความใส่ใจและความมุ่งมั่นที่มีต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม HPT จึงไม่เพียงพัฒนาและปรับใช้นวัตกรรมใหม่ๆ แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติให้แก่สังคมผ่านความร่วมมือต่างๆ อาทิ การร่วมมือกับคณะพาณิชยนาวีนานาชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ในโครงการ Go Green เพื่อปลูกฝังแนวคิด และให้ความรู้ด้านการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมทางทะเลแก่นิสิตในมหาวิทยาลัยฯ การร่วมมือกับมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในโครงการ Next Gen New World เพื่ออบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเลแก่เยาวชนทั่วไป

ยิ่งไปกว่านั้น การขับเคลื่อนทางสังคมนี้ยังครอบคลุมถึงการจัดงานเสวนาพูดคุยแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมฯ และจัดกิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่างๆ กับชุมชนใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนให้ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอกท่าเทียบเรือ

ทั้งนี้ การรับมอบรถหัวลากพลังงานไฟฟ้าทั้ง 18 คัน นอกจากจะช่วยให้ภาพรวมในปฏิบัติการของ HPT ลดอัตราการปล่อยคาร์บอนได้มากยิ่งขึ้นแล้ว ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ให้บริการท่าเทียบเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นตัวอย่างแนวทางการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีความรับผิดชอบ พร้อมขับเคลื่อนความยั่งยืนทั้งในอุตสาหกรรมฯ และสังคมต่อไป


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้SITC E-Commerce คว้ารางวัล Qingdao Outstanding Cross-Border E-Commerce Service Provider
บทความถัดไปGEODIS เปิดตัวบริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนทางถนนใหม่ในแอฟริกาตอนใต้