โดยเป้าหมายการพัฒนาระดับภูมิภาคดังกล่าวได้ฉายภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อ Den Hartogh (Thailand) ได้ร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติการยกขนตู้สินค้าของบริษัทฯ ขึ้นเรือ QINGDAO TOWER ของสายการเดินเรือ CNC ในเครือของกลุ่มบริษัท CMA CGM ณ ท่าเทียบเรือ Laem Chabang International Terminal (LCIT) ของบริษัท DP World เพื่อสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสิทธิภาพการปฏิบัติการตลอดทั้งโครงข่ายซัพพลายเชนโลจิสติกส์ระดับโลก

เพื่อดำเนินงานตามแผนงานความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมประจำปี 2025 ของ Den Hartogh บริษัท Den Hartogh ประจำประเทศไทยมุ่งมั่นลดอัตราการปล่อยคาร์บอนในปฏิบัติการขนส่งสินค้าด้วยการใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยโครงการริเริ่มนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Den Hartogh (Thailand) กับ JWD Transport (Thailand) Co., Ltd. ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนครบวงจรชั้นนำ ผ่านข้อตกลงในการปฏิบัติการเคลื่อนย้ายตู้สินค้าเปล่าทั้งภายในและการขนย้ายเข้า-ออกพื้นที่ศูนย์โลจิสติกส์และท่าเรือ

ปัจจุบัน ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าได้กลายเป็นส่วนสำคัญสำหรับการขนส่งระยะใกล้ ทำให้การปฏิบัติการยกขนตู้สินค้าของ Den Hartogh มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการใช้งานยานพาหนะประเภทนี้เพื่อลดอัตราการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเป็นการปรับปฏิบัติการที่มีผลดี ทั้งในแง่ของต้นทุนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งผลงานด้านความยั่งยืนของ Den Hartogh ในประเทศไทย ยังสามารถพิสูจน์ได้ว่าบริษัทฯ กำลังดำเนินการตามแผนที่ประกาศไว้อย่างจริงจัง

นอกเหนือจากการปรับใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า บริษัทฯ ยังได้จัดซื้อรถบรรทุก DAF XG 480 FT เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านการขนส่งระยะไกล โดยรถบรรทุกขนาดใหญ่รุ่นใหม่ล่าสุดนี้มาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ครบครัน มีระบบเสริมความคล่องตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และแอโรไดนามิกส์ (aerodynamics) ในห้องโดยสาร

คุณกฤชพล อนุวัฒนาภรณ์ ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท Den Hartogh (Thailand) กล่าวว่า “บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้ปฏิบัติการกองรถบรรทุกขนส่งเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป พร้อมด้วยรถบรรทุกรุ่นใหม่อย่าง DAF XG 480 FT ทำให้บริษัท Den Hartogh ถือเป็นผู้นำด้านการปฏิบัติการโลจิสติกส์ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนทั่วภาคพื้นทวีปยุโรป”

นอกจากนี้ ยานพาหนะเหล่านี้ยังช่วยให้ Den Hartogh บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือการลดการปล่อยคาร์บอนลง 25 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2025 ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานขับรถและยกระดับความน่าเชื่อถือสำหรับลูกค้า

สำนักงาน Den Hartogh (Thailand) เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการยกระดับความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายปฏิบัติการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบริษัทฯ โดยทีมงานในประเทศไทยนำเสนอโซลูชันโลจิสติกส์ที่หลากหลาย อาทิ กลุ่มสินค้าเทกองแห้ง สินค้าประเภทของเหลว และก๊าซ โดยในแต่ละภาคส่วนต้องใช้เครื่องมือและมาตรการที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมที่มีการควบคุมเข้มงวดและมีความอ่อนไหวด้านคุณภาพ

บริการโลจิสติกส์สินค้าเทกอง: การขนส่งเรซิ่น ผงแป้ง และโพลิเมอร์ต้องอาศัยถังไซโลสำหรับบรรจุอาหารโดยใช้ระบบการขนถ่ายแบบนิวเมติกที่ปลอดการปนเปื้อน

บริการโลจิสติกส์สินค้าประเภทของเหลว: Den Hartogh มีกองตู้ ISO Tank จำนวนมาก สำหรับการขนส่งของเหลวประเภทสินค้าอันตรายและสินค้าที่ไม่อันตราย โดยครอบคลุมถึงวัตถุดิบเกรดอาหาร (food-grade) เคมีภัณฑ์ และสารทำละลาย

บริการโลจิสติกส์ก๊าซ: สำหรับบริการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าประเภทก๊าซ บริษัทฯ มีถังควบคุมแรงดันสำหรับการขนส่งก๊าซเหลว อาทิ ก๊าซ LPG สารทำความเย็นสำหรับภาคอุตสาหกรรมฯ และก๊าซชนิดพิเศษ ภายใต้กฎระเบียบความปลอดภัยที่เคร่งครัด

Den Hartogh ได้ปรับเปลี่ยนข้อกำหนดด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าการขนส่งสินค้าจะถูกต้องแม่นยำและเป็นไปตามระเบียบบังคับอย่างเข้มงวด โดยตามรายงานขององค์กร ITCO ประจำปี 2025 ระบุว่าปัจจุบันบริษัทฯ ปฏิบัติการตู้ ISO Tank กว่า 23,000 ถังใน 47 ประเทศ ขึ้นแท่นเป็นผู้นำระดับโลกในการให้บริการ ISO Tank

การเข้าควบกิจการกลุ่มบริษัท H&S Group ได้ช่วยให้ Den Hartogh สามารถขยายบริการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าเกรดอาหาร (food-grade) เนื่องจากกลุ่มบริษัทดังกล่าวมีชื่อเสียงในการขนส่งผลิตภัณฑ์อาหารประเภทของเหลวทั่วยุโรป บริษัทฯ จึงใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่ครอบคลุม สถานีทำความสะอาดตู้สินค้าที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ และระบบจัดเก็บสินค้าเกรดอาหารแบบควบคุมอุณหภูมิอันทันสมัย

นอกจากนี้การเข้าควบกิจการครั้งนี้ยังช่วยให้บริษัทฯ สามารถสนับสนุนการขนส่งน้ำมันปรุงอาหาร สารแทนความหวาน ผลิตภัณฑ์จากนม และน้ำผลไม้ ควบคู่กับการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับตลาดการค้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการด้านโลจิสติกส์สินค้าเกรดอาหารสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาของบริษัทฯ ครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และส่งผลให้ Den Hartogh มีความพร้อมในการส่งมอบโซลูชันแบบครบวงจร รองรับความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

เมื่อไม่นานมานี้ Den Hartogh ได้รับการรับรองครั้งสำคัญถึงสองรางวัล ซึ่งเป็นการการันตีความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเดินหน้าตามหลัก ESG ที่มุ่งเน้นการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยบริษัทฯ ได้รับรางวัล Gold Medal จาก EcoVadis ในเดือนมกราคมปี 2025 ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งใน 5 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทอันดับสูงสุด ที่ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืน จริยธรรม และการจัดการทางสิ่งแวดล้อม

อีกทั้งยังได้รับรางวัลระดับ GOLD จากบริษัท Dow จากการดำเนินงานที่โดดเด่นในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ความยั่งยืน ความปลอดภัย และความเป็นเลิศในการบริการ โดยรางวัลเหล่านี้ล้วนแสดงถึงขีดความสามารถระดับโลกของ Den Hartogh ในการผสานประสิทธิภาพการปฏิบัติการกับการเป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

Den Hartogh ไม่หยุดยั้งการกระชับความสัมพันธ์และแสวงหาความร่วมมือที่ยาวนาน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้ร่วมบันทึกภาพการปฏิบัติการระดับภูมิภาค ณ ท่าเทียบเรือ LCIT ของ DP World ภายในท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อยกขนตู้สินค้าขึ้นเรือขนส่งสินค้า QINGDAO TOWER ซึ่งแสดงถึงความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำรายอื่นในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เพื่อส่งมอบบริการขนส่งสินค้าอย่างไร้รอยต่อ

โดยภาพความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเน้นย้ำถึงสถานะอันแข็งแกร่งของ Den Hartogh ในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกของประเทศไทย

หนึ่งในพันธมิตรผู้ทรงคุณค่าของ Den Hartogh คือบริษัท Thai MMA บริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท Mitsubishi Rayon กับบริษัท SCG Chemicals ซึ่งได้รับการก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1997 โดยบริษัทนี้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเมทิลเมทาคริเลตรายสำคัญ ซึ่งสารดังกล่าวถูกใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด อาทิ พลาสติกอะคริลิก สารเคลือบอะคริลิก และกาวอะคริลิก

“Thai MMA ให้บริการส่งออกสินค้าหลากหลายรายการ จากมาบตาพุดและระยอง บริษัท Den Hartogh ได้ให้การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ด้วยการส่งมอบตู้ ISO Tank สำหรับชิปเมนท์ขาออกของ Thai MMA รองรับการขนส่งสินค้าเคมีภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงไปยังลูกค้าในต่างประเทศ” คุณกฤชพล กล่าว “โดยการร่วมมือกันในครั้งนี้แสดงถึงความไว้วางใจในบริษัท Den Hartogh ในฐานะผู้ให้บริการและพันธมิตรระยะยาวในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ในประเทศไทย”

ในปี 2025 บริษัท Den Hartogh จะฉลองครบรอบ 104 ปีแห่งการให้บริการ นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 1920 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดย Den Hartogh เริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่น ก่อนจะเติบโตและขยายธุรกิจเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลโลก แต่ยังคงไว้ซึ่งการเป็นธุรกิจครอบครัวและการจัดการธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น

อย่างไรก็ตาม Den Hartogh ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างวิถีแบบดั้งเดิมและนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยบริษัทฯ เติบโตขึ้นจากการขนส่งสินค้าทางเรือบาร์จในช่วงแรกเริ่ม จนกลายเป็นผู้บุกเบิกโลจิสติกส์เคมีภัณฑ์แบบครบวงจรชั้นแนวหน้า โดยการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานของบริษัทฯ มีผลมาจากวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่มีรากฐานจากความปลอดภัย ความภักดีในแบรนด์ และการมุ่งเน้นความร่วมมือระยะยาว ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในทุกวันนี้

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะผ่านมานานนับศตวรรษ แต่ความมุ่งมั่นของ Den Hartogh ในการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ การพัฒนาบุคลากร และการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้า ยังคงเป็นสิ่งที่นำพาบริษัทฯ ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

Den Hartogh (Thailand) กำลังขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เครือข่ายระดับโลกควบคู่กับข้อมูลเชิงลึกในท้องถิ่นเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนทางนวัตกรรม เช่นเดียวกับการเดินหน้าสานสัมพันธ์และความร่วมมือกับลูกค้า พันธมิตร และชุมชน ผ่านการปฏิบัติการขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกที่มีอัตราการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ การขยายบริการโลจิสติกส์สำหรับอาหาร หรือการยกระดับกองรถรุ่นใหม่ ล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างพื้นที่ปฏิบัติการที่ปลอดภัย ยั่งยืน เป็นเลิศ และพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้CEVA Logistics เปิดตัวคลังสินค้าเชิงกลยุทธ์แห่งใหม่ในสิงคโปร์
บทความถัดไปCEVA Logistics เปิดตัวบริการขนส่งสินค้าทางทะเลคาร์บอนต่ำแบบ LCL ระหว่างฝรั่งเศสและไอวอรีโคสต์ครั้งแรก 
Viboonwat Chaidamrongrittikul
A guy with a passion for sharing stories, hoping it brings you positive vibes and inspiration.