SCGJWD Logistics (SCGJWD) มุ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากการต่อยอด Synergy ของกลุ่มธุรกิจและพันธมิตร มุ่งขยายสี่ธุรกิจดาวรุ่งที่มีศักยภาพ อาทิ ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และธุรกิจในต่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นด้านสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ และมีฐานลูกค้าในเครือ SCG ช่วยเพิ่มความมั่นคงแก่รายได้และมีโอกาสขยายการให้บริการได้อีกในอนาคต

Solid Financial Standing

บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนครบวงจรชั้นนำ ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน ด้วยการเปิดเผยรายละเอียดด้านการเงินและการลงทุนของบริษัทฯ ในปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับแผนการลงทุนในปีนี้ และเป้าหมายระยะยาวของบริษัทฯ ในการเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

คุณบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท SCGJWD Logistics

คุณบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท SCGJWD Logistics เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายมาร์เก็ตแคปเป็นหนึ่งแสนล้านบาท และเพิ่มสัดส่วนกำไรจากต่างประเทศเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030 รวมถึงมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 ผ่านการให้บริการ Green Logistics และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนใน Scope 1 Scope 2 และ Scope 3”

ในด้านการดำเนินธุรกิจ คุณบรรณได้เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจในอาเซียน 9 ประเทศ รวมทั้งประเทศจีนตอนใต้ โดยมีพื้นที่คลังสินค้าทั่วไป คลังสินค้าอันตราย ลานจอดพักรถยนต์ คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ รวมทั้งสิ้นกว่า 2.3 ล้านตารางเมตร มีเครือข่ายรถขนส่งกว่า 14,000 คัน เครือข่ายเรือบรรทุกสินค้ากว่า 220 ลำ และฐานลูกค้ากว่า 2,400 ราย รวมถึงมีพันธมิตรชั้นนำในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชน”

โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำการลงทุนและขยายธุรกิจอย่างหลากหลายทั้งภายในและนอกประเทศ อาทิ การเข้าถือหุ้น 20.12 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท Asia Network International (ANI) และถือหุ้น 20.48 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท Swift Haulage Berhad หรือ SWIFT ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรชั้นนำของมาเลเซีย การจัดตั้งบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท จำกัด หรือ SCGJWD Freight การก่อสร้างคลังสินค้าห้องเย็นในจังหวัดเชียงใหม่ และการเปิดให้บริการคลังสินค้าทั่วไปสองแห่งในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ภายใต้บริษัท Alpha Industrial Solutions ที่ร่วมทุนกับบริษัท Origin Property หรือ ORI อีกทั้งยังเสนอ Green Logistics Solutions เพื่อให้บริการขนส่งอาหารและเบเกอรี่แก่ร้านคาเฟอเมซอนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

นอกเหนือจากการลงทุนและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทฯ ยังได้รับรางวัล Highly Recommended Supply Chain Management Awards จาก Set Awards 2024 และได้รับการประเมินระดับ AAA จาก SET ESG Rating ซึ่งแสดงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมและมีความยั่งยืน

ทั้งนี้ สถานะการเงินของบริษัทฯ เมื่อสิ้นปี 2024 ที่ผ่านมามีอัตราหนี้สินต่อทุนที่มีภาระดอกเบี้ย 0.67 เท่า มีเงินสดคงเหลือกว่า 2,400 ล้านบาท และมีนักลงทุนต้องการจองซื้อหุ้นกู้ที่บริษัทฯ เสนอขายในราคามากกว่า 4,200 ล้านบาท อีกทั้งยังมีฐานลูกค้าในเครือ SCG ช่วยเพิ่มความมั่นคงแก่รายได้และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถขยายฐานการบริการให้มากยิ่งขึ้นได้อีกในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันบริษัท SCGJWD มีสัดส่วนการให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของเครือ SCG เท่านั้น

Scaling Cold Chain National Wide and Beyond

คุณชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท SCGJWD Logistics

คุณชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท SCGJWD Logistics กล่าวว่า “บริษัท SCGJWD เดินหน้าสร้างความเติบโต ด้วยแผนการต่อยอด Synergy กับกลุ่มธุรกิจและพันธมิตรทั้งในและนอกประเทศ เพื่อขยายธุรกิจแนวหน้าที่มีศักยภาพ ซึ่งหนึ่งในแผนการดังกล่าว คือการขยายบริการกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ควบคุมอุณหภูมิ โดยเปิดคลังสินค้าห้องเย็นอีกสี่แห่งในปี 2025 ได้แก่ 1. คลังสินค้าห้องเย็นสระบุรี เฟส 2 ขนาด 3,400 ตารางเมตร 2. คลังสินค้าห้องเย็น ALPHA Rangsit ขนาด 14,595 ตารางเมตร 3. คลังสินค้าห้องเย็น Nichirei เฟส 3 นวนคร ขนาด 17,091 ตารางเมตร และ 4. คลังสินค้าห้องเย็นโครงการ RDC (Regional Distribution Center) ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยการรีโนเวทคลังเดิมของ SCGL ขนาด 2,700 ตารางเมตร รวมทั้งสิ้นมากกว่า 37,000 ตารางเมตร โดยแผนการดังกล่าว ยังรวมถึงการขยายบริการให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมยาและสุขภาพ และขยายเครือข่ายการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิอีกด้วย”

Driving the Future of Automatic Logistics

ในปีที่ผ่านมา บริษัท SCGJWD ให้บริการในธุรกิจรับฝากและบริหารรถยนต์มากกว่าห้าแสนคัน จากยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 1.46 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดถึงหนึ่งในสามของจำนวนทั้งหมด รวมถึงให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของยอดรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนในไทยทั้งหมด ในปีนี้บริษัทฯ จึงวางแผนขยายบริการแก่รถยนต์ไฟฟ้า และขยายบริการนำเข้า-ส่งออกวัตถุดิบและชิ้นส่วนยานยนต์ให้มากยิ่งขึ้น

Accelerating Freight, Amplifying Growth

สำหรับธุรกิจตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ บริษัทฯ ได้เริ่มต้นด้วยการจัดตั้ง SCGJWD Freight ในปีที่ผ่านมา เพื่อปรับโครงสร้างและเสริมศักยภาพให้บริการ โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ของธุรกิจให้ถึง 2,500 ล้านบาท ภายในปี 2029 จากรายได้ในปีที่ผ่านมา 1,500 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัท SCGJWD ยังมีเป้าหมายในการรุกสร้าง New S-Curve จากการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกที่มีระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม NSW Service Provider (NSP) เพื่อเชื่อมต่อการจัดส่งข้อมูลโดยตรงระหว่างกรมศุลกากรและภาคธุรกิจ ในด้านการนำเข้า-ส่งออก และบริการโลจิสติกส์ บริษัทฯ จะร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท ANI และบริษัท Sino Logistics เพื่อเชื่อมเครือข่ายการขนส่งระหว่างประเทศให้ขยายใหญ่ยิ่งขึ้น

Impactful Growth in Oversea Logistics

ด้านการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ วางแผนจะขยายธุรกิจในประเทศจีนและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน สำหรับประเทศจีน บริษัทฯ จะร่วมมือกับ JUSDA ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดน คลังสินค้า นำเข้า-ส่งออก โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักร เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าระหว่างจีนมายังไทยและประเทศต่างๆ ในอาเซียน อาทิ เวียดนาม สปป.ลาว มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงถึง 26,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังศึกษาโอกาสในการทำงานร่วมกับบริษัท Ruiyun Logistics เพื่อพัฒนาการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิข้ามแดนระหว่างไทย เวียดนาม และจีนอีกด้วย

สำหรับการขยายธุรกิจในอาเซียน บริษัทฯ มีแผนการทางธุรกิจในเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยในปีที่ผ่านมาบริษัท SCGJWD Logistics (Vietnam) ซึ่ง SCGJWD ถือหุ้นภายในบริษัท 100 เปอร์เซ็นต์ ได้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรแบบ end-to-end supply chain solutions แก่บริษัท Vietnam Construction Materials Joint Stock Company (VCM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตซีเมนต์ในเวียดนาม ในขณะที่ทางด้านมาเลเซียบริษัทฯ ได้จับมือกับ SWIFT จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อรุกขยายธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นอีกสามแห่ง พื้นที่รวมกันกว่า 31,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในต้นปี 2026 ในด้านอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ บริษัทฯ ตั้งเป้าในการรุกขยายธุรกิจห้องเย็นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และจะใช้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ในการขยายธุรกิจดังกล่าวสู่อินโดนีเซียด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไปที่ดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัท ALPHA Industrial Solutions มีแผนเสนอขายสินทรัพย์บางส่วน มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ให้แก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ที่เป็นพันธมิตรเพื่อนำมาขยายการลงทุนต่อเนื่อง และในเดือนกันยายนนี้คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการเปิดดำเนินการและรับบริหารคลังสินค้าแห่งใหม่ในย่านนิคมอุตสาหกรรมบางกระดีแก่บริษัท B.GRIMM Carrier (Thailand) และบริษัท Carrier (Thailand) รวมถึงให้บริการด้านโลจิสติกส์ และ Fulfillment  ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตและตอกย้ำศักยภาพธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Evergreen Marine (Taiwan) เปิดตัวบริการ Southeast Asia – East India (CIX7) เชื่อมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับอินเดียตะวันออก
บทความถัดไปKuehne+Nagel เปิดศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ใน Texas