กว่าสองทศวรรษที่สายการเดินเรือ Mediterranean Shipping Company (MSC) เข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทย พร้อมเติบโตและขยายเครือข่ายธุรกิจอย่างมั่นคง ด้วยความได้เปรียบจากการมีอาคารสำนักงานของตนเองที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร พวกเขาวางรากฐานธุรกิจภายในประเทศเอาไว้สำหรับอนาคต
ซึ่งปัจจุบัน ก็ถึงเวลาที่บริษัทฯ จะเสริมสร้างพันธกิจก้าวสำคัญในตลาดไทย ด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยเข้ามาเทียบในน่านน้ำไทย
![](https://logistics-manager.com/wp-content/uploads/2020/04/Untitled-2-791x1024.jpg)
ภายใต้การนำของ Mr. Peter Blohm กรรมการผู้จัดการ บริษัท MSC Mediterranean Shipping ประเทศไทย ผู้มีประสบการณ์การปฏิบัติงานร่วมกับ MSC ด้วยความมุ่งมั่นและจริงจังมายาวนานกว่าสองทศวรรษ ในวันนี้เขามีความยินดีที่ได้นำเรือขนส่งสินค้าขนาด Neopanamax เข้าเทียบที่ท่าเรือแหลมฉบัง ในขณะที่หลายธุรกิจต่างหยุดชะงัก ด้วยมองว่าเวลานี้เป็นช่วงที่ไม่มีความแน่นอนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา Mr. Blohm ยังคงมุ่งไปข้างหน้าด้วยวิสัยทัศน์ที่แน่วแน่ เพื่อนำทางบริษัทสู่เส้นแห่งการเติบโตอย่างมั่นคงและมั่งคั่ง
นิตยสาร LM ฉบับนี้ ได้รับเกียรติจาก Mr. Peter Blohm มาแบ่งปันทัศนะเกี่ยวกับพันธกิจของ MSC รวมทั้งกลยุทธ์การขยายธุรกิจในประเทศไทย แต่ก่อนที่เราจะเปิดเผยแผนธุรกิจของ Mr. Blohm ในการบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายนั้น เราควรมาเริ่มต้นทำความรู้จักกับความเป็นมาของ MSC เสียก่อน เพื่อให้สามารถเข้าใจวิถีการดำเนินงาน รวมทั้งปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของพวกเขาได้อย่างถ่องแท้
A Personal Touch
MSC เป็นกิจการเอกชนที่ดำเนินธุรกิจแบบครอบครัว จากจุดกำเนิด ณ นคร Geneva ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 1970 พวกเขาเริ่มให้บริการด้วยเรือขนส่งสินค้าเพียงลำเดียว ด้วยบริการเพียงหนึ่งบริการ และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยการขยายกองเรือ และเปิดตัวบริการใหม่ๆ สู่ตลาด “แนวทางการมอบบริการด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดความต้องการของลูกค้า ทำให้เราแตกต่างจากสายการเดินเรืออื่น และในวันนี้ MSC ก็ได้เติบโตขึ้นเป็นสายการเดินเรือที่มีพื้นที่ระวางสินค้ามากที่สุดเป็นอันสองของโลก” Mr. Blohm กล่าว
![](https://logistics-manager.com/wp-content/uploads/2020/04/re-DJI_0016-1024x576.jpg)
ปัจจุบัน กิจการแบบครอบครัวนี้มีเรือขนส่งสินค้ากว่า 520 ลำ ปฏิบัติการในเส้นทางการค้ากว่า 200 เส้นทางทั่วโลก มีสำนักงานถึง 493 แห่ง ใน 155 ประเทศ และมีบุคลากรมากกว่า 70,000 คน และสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้มาจากการควบรวมกิจการ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากธรรมเนียมปฏิบัติที่นิยมในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางทะเล
อนึ่ง การยืนหยัดในฐานะบริษัทเอกชนและการเป็นธุรกิจครอบครัว ทำให้การดำเนินธุรกิจของ MSC ไม่ต้องผูกติดกับมติของผู้ถือหุ้น พวกเขาสามารถวางแผนลงทุนได้ในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถนำผลประกอบการกลับมาลงทุนขยายกิจการของบริษัทได้อย่างเต็มที่
“ที่ MSC เรามีคติว่า ‘สินค้าอยู่ที่ใด เราก็จะไปที่นั่น’ ภายใต้หลักการอันนี้ เราจึงเตรียมการเพื่อขยายธุรกิจในประเทศไทย”
Mr. Blohm กล่าว ก่อนที่จะเริ่มเผยถึงบริการใหม่ที่จะเชื่อมต่อน่านน้ำอ่าวไทยสู่ตลาดเศรษฐกิจโลกโดยตรง
Upgraded Services
เมื่อเร็วๆ นี้ สายการเดินเรือ MSC ได้เปิดบริการขนส่งสินค้าเส้นทางตรงใหม่แบบเพนดูลัม ซึ่งเชื่อมยุโรปเหนือ เอเชีย และสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตกเข้าด้วยกัน โดยมีท่าเรือแหลมฉบังเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมที่สำคัญ โดยเรือที่ปฏิบัติการในเส้นทางการบริการนี้คือ ‘MSC Danit’ ขนาดระวาง 14,000 ทีอียู “บริการใหม่ของเราจะช่วยเพิ่มพื้นที่ระวางสินค้าขาเข้าสู่ประเทศไทยได้มาก” Mr. Blohm กล่าวถึงบริการปรับปรุงใหม่ของ MSC
โดยหลังจากที่เดินทางมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง เรือก็จะเดินทางต่อไปยังชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา พร้อมแวะเทียบท่าที่เมือง Yantian และ Shanghai ในประเทศจีน ก่อนที่จะไปยังท่าเรือ Long Beach ในแคลิฟอร์เนีย แล้ววนย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิม บริการนี้จึงมีความสำคัญทั้งในแง่ของการขนส่งสินค้าจากฝั่งตะวันตกเข้าสู่เอเชีย และเป็นส่วนสำคัญในการกระจายสินค้าภายในเครือข่าย Intra-Asia อีกด้วย
![](https://logistics-manager.com/wp-content/uploads/2020/04/re-DJI_0006-1024x576.jpg)
MSC Danit เป็นเรือขนส่งตู้สินค้าขนาด Neopanamax ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการไปยังท่าเรือต่างๆ ได้ทั่วโลก และยังสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากการเดินทางลัดผ่านคลองปานามา เรือลำนี้ได้รับการขนานนามตามชื่อลูกสาวของ Mr. Edni Simkin รองประธานกิจการอู่ต่อเรือ Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering และประธานบริษัท MSC ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2009 อนึ่ง เรือของ MSC ส่วนใหญ่จะตั้งชื่อตามชื่อลูกสาวของบุคลากรบริษัท โดยเรือ MSC Danit มีความยาว 365.50 เมตร กินน้ำลึก 16 เมตร บรรทุกน้ำหนักสินค้าได้ 165,517 เมตริกตัน และมีระวางน้ำหนักเรือ 153,092 ตันกรอส
![](https://logistics-manager.com/wp-content/uploads/2020/04/re_MG_7123-1024x683.jpg)
การที่ MSC มุ่งมั่นที่จะเชื่อมบริการใหม่สู่ประเทศไทย ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาคจากปีก่อนหน้า “เวลานี้คือโอกาสที่ดีที่สุดในการเปิดประตูสู่ตลาดใหม่อย่างเต็มตัว และพนักงานทุกคนของเราต่างก็กำลังฮึกเหิมกับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นต่อไป” Mr. Blohm กล่าวถึงการเติบโตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังดึงดูดความสนใจของสายการเดินเรือต่างๆ “MSC ประเทศไทย มอบผลประโยชน์ให้แก่ทั้งประเทศไทยและลูกค้ามาตั้งแต่ที่เปิดบริการใน 1997 และโดยการเพิ่มบริการใหม่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะฟูมฟักความสัมพันธ์ที่ได้วางรากฐานเอาไว้ และร่วมส่งมอบการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่าให้แก่ชาวไทยทุกคน”
Manning the Post
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้สร้างความท้าทายอย่างมากต่อการค้าโลกและอุตสาหกรรมการขนส่งตู้สินค้า “MSC ประเทศไทย กำลังปฏิบัติการอย่างแข็งขัน เพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพของธุรกิจในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้า และลดผลกระทบให้แก่ซัพพลายเชนของลูกค้า ควบคู่ไปกับการส่งเสริมกิจกรรมด้านสาธารณสุขที่สำคัญยิ่งในการลดการแพร่ระบาดของ COVID-19” Mr. Blohm กล่าว
ไม่มีใครเคยประสบกับสถานการณ์เช่นการแพร่ระบาดของ COVID-19 มาก่อน และถึงแม้ว่าหลายประเทศจะเคยผ่านเหตุการณ์เช่นความเสียหายจากสงคราม รวมทั้งภาวะข้าวยากมากแพงมาแล้ว แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่ และไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าการล็อคดาวน์จะดำเนินต่อไปนานแค่ไหนหรือจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากเพียงใด
![](https://logistics-manager.com/wp-content/uploads/2020/04/MG_7159-1024x682.jpg)
ช่วงเวลาเช่นนี้ ทำให้เราตระหนักว่าอุตสาหกรรมต่างๆ มีความสำคัญเพียงใด แน่นอนว่า เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ท้อถอยในการดูแลผู้ติดเชื้อ คือกลุ่มบุคคลอันดับหนึ่งที่ใครๆ ต่างก็ให้การคารวะ แต่ส่วนที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งอย่างอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มักถูกมองข้ามอยู่เสมอ แม้ว่าจะมีส่วนในชีวิตประจำวันของทุกคนอย่างขาดไม่ได้และสำคัญยิ่งขึ้นไปอีกในเวลานี้ บุคลากรด้านโลจิสติกส์ทุกคนคือผู้กล้าที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างมุ่งมั่น เพื่อนำส่งเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ให้กับนายแพทย์ และช่วยจัดกระจายสินค้าให้ยังคงมีอยู่บนชั้นวางของในร้านค้าหรือตามท้องตลาดซึ่งล้วนเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็นที่จัดส่งมาถึงมือเราได้โดยไม่ติดขัด
![](https://logistics-manager.com/wp-content/uploads/2020/04/MG_7162-1024x682.jpg)
เพื่อตอบรับต่อผลกระทบของ COVID-19 นี้ MSC ประเทศไทยได้ปฏิบัติงานตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขายังคงสามารถมอบบริการให้ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในมาตรการเหล่านั้นคือ การอนุญาตให้บุคลากรของบริษัทสามารถทำงานจากที่บ้านได้ และให้มีการสับเปลี่ยนกะงานได้ตามความเหมาะสม ในด้านเทคโนโลยี บริษัทยังมีความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบอย่างรอบด้าน รวมทั้งพัฒนาเครือข่าย VPN อันแข็งแกร่งที่สามารถคุ้มครองการเข้าถึงข้อมูลของพนักงานที่ต้องทำงานนอกสถานที่ โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าข้อมูลสำคัญจะเกิดการรั่วไหล
![](https://logistics-manager.com/wp-content/uploads/2020/04/R1A8819-2-1024x674.jpg)
สุดท้ายนี้ Mr. Blohm ยังกล่าวถึงบุคลากรทุกคนว่า ความพยายามเขาพวกนั้นมีความหมายอย่างมาก และความรับผิดชอบในหน้าที่ของพวกเขา ก็ได้ช่วยให้บริษัทสามารถมอบบริการได้อย่างราบรื่นตลอดช่วงการระบาด โดย MSC ประเทศไทยมีมาตรการต่างๆ จำนวนมาก ในการคุ้มครองบุคลากรและการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ จะสามารถส่งมอบบริการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ให้กับตลาดโลกได้อย่างไม่มีสะดุด
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่