Den Hartogh ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันเคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี ก๊าซ โพลิเมอร์ และการขนส่งสินค้าเทกอง เป็นธุรกิจครอบครัวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานด้านนวัตกรรมการบริการและความน่าเชื่อถือในหมู่ลูกค้าทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี 1920 โดย Mr. Jan Hartogh เริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการจัดจำหน่ายวาล์วและข้อต่อ Den Hartogh ได้เติบโตขึ้นจนกลายมาเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งตู้บรรจุสินค้าเหลว (ตู้ ISO)​ และผู้ให้บริการโลจิสติกส์สินค้าเคมีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีอาคารและสำนักงาน 50 แห่ง ใน 27 ประเทศ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับในฐานะ ‘Hofleverancier’ หรือผู้ให้บริการจัดส่งประจำราชสำนักเนเธอร์แลนด์ ซึ่งทำให้บริษัทฯ เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อ ‘Royal Den Hartogh Logistics’

ด้วยเป้าหมายในการมุ่งสร้างเคมีความสัมพันธ์ร่วมกับลูกค้า Den Hartogh ผสานความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษเพื่อสร้างสรรค์โซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละสถานการณ์ พร้อมด้วยการดำเนินงานอย่างปลอดภัย และความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติการที่เป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร บริษัทฯ จึงมีความพร้อมในการมอบโซลูชันโลจิสติกส์อันชาญฉลาด ผ่านทีมพนักงานทั่วโลกกว่า 2,100 คน อุปกรณ์ปฏิบัติงานที่ทันสมัย กองตู้ ISO กว่า 24,000 ตู้ ตู้บรรจุสินค้าเทกองแห้งกว่า 5,300 ตู้ และกองรถบรรทุกพ่วงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับสินค้าเทกอง ซึ่งครอบคลุมถึงรถบรรทุกสินค้าเหลว 310 คัน และรถบรรทุกอีก 680 คัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Den Hartogh เล็งเห็นว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ได้กลายมาเป็นพื้นที่สำคัญในการเติบโตทางธุรกิจ บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวแคมเปญเพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคแห่งนี้ โดยทำการเปิดสำนักงานสาขากรุงเทพฯ ในปี 2022 และนิตยสาร LM ฉบับนี้ เรามีโอกาสได้พูดคุยกับคุณกฤชพล อนุวัฒนาภรณ์ ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท Den Hartogh (Thailand) ซึ่งจะมาแชร์วิสัยทัศน์ด้านการบริการและแผนการในอนาคตของบริษัทฯ

Growth in Asia Pacific

โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเติบโตของ Den Hartogh ในการยกระดับการบริการในเอเชียแปซิฟิก บริษัท Den Hartogh ได้ประกาศความสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน ปี 2021 ภายหลังจากการควบรวมกิจการกับ MUTO Group จากประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อิสระสำหรับภาคอุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมีที่มีฐานการปฏิบัติการใน Seoul เกาหลีใต้, Klang ประเทศมาเลเซีย รวมถึงกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย  โดยบริษัท MUTO Global Thailand, MBT Global Malaysia และ MUTO Logix Korea ได้รับการรีแบรนด์เป็น Den Hartogh Thailand, Den Hartogh Malaysia และ Den Hartogh Korea ตามลำดับ

คุณกฤชพล อนุวัฒนาภรณ์ ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท Den Hartogh (Thailand)

เพื่อเพิ่มการเข้าถึงสำหรับลูกค้าทั้งในปัจจุบันและลูกค้าใหม่ทั้งหมด Den Hartogh ตั้งเป้ามอบบริการแบบครบวงจรสำหรับบริการของบริษัทฯ ทั้งหมดภายในเอเชียแปซิฟิกและรวมถึงบริการขนส่งสินค้าข้ามทวีปสู่ปลายทางต่างๆ ทั่วโลก และวางแผนที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวผ่านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้ารายสำคัญ ระบบไอทีที่ทำงานร่วมกันอย่างสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวรวมถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยี ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นและเปี่ยมประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“การเข้าถึงตลาดในท้องถิ่นโดยตรงช่วยเพิ่มความสามารถของเราในการมอบบริการที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านโลจิสติกส์สำหรับสินค้าเคมีที่เพิ่มขึ้นในเอเชียแปซิฟิก” คุณกฤชพล กล่าว “เราตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ให้บริการขนส่งตู้ ISO ชั้นนำของภูมิภาค โดยมอบบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรทั้งภายในเอเชียแปซิฟิกและการขนส่งสินค้าทางทะเลข้ามทวีป หลักชัยสำคัญในการควบรวมกิจการกับ MUTO เป็นข้อยืนยันถึงพันธกิจของเราต่อภูมิภาคแห่งนี้ และเรามั่นใจว่าจะมอบความพึงพอใจแก่ลูกค้าเพิ่มมากขึ้นได้ผ่านการจัดสรรตู้ ISO ให้กับพวกเขา ณ สถานที่ เวลา และปริมาณที่เหมาะสม”

การควบรวมกิจการช่วยยกสถานะผู้ให้บริการระดับภูมิภาคของ Den Hartogh โดยผ่านทางสำนักงานทั้งห้าแห่ง ซึ่งรวมถึงสาขาที่มีฐานการปฏิบัติการที่แข็งแกร่งอย่างใน Singapore และ Shanghai ซึ่งกลายเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของเอเชียแปซิฟิก

แม้ว่าตลาดโลกจะประสบกับภาวะชะงักเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ความต้องการใช้งานสารเคมีในเอเชียแปซิฟิกยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ยิ่งเมื่อรวมกับสัดส่วนการบริโภคของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และแนวโน้มของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่หันมาให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการในระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการกระชับกระบวนการซัพพลายเชนให้สั้นลงกว่าที่ผ่านมา Den Hartogh จึงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าตลาดเคมีภัณฑ์ภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“เราต้องการสนับสนุนลูกค้าของเราด้วยตัวเลือกบริการโลจิสติกแบบ door-to-door และการปฏิบัติการในพื้นที่ของลูกค้า (on-site) ที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และเปี่ยมนวัตกรรม ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเราในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งนอกเหนือไปจากกองตู้บรรจุสินค้าเหลวที่เพิ่มขึ้นแล้ว เรายังเชื่อว่าสามารถสร้างผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นผ่านการทำงานร่วมกัน และปรับขนาดการปฏิบัติการเพื่อให้สอดรับกับโอกาสทองของตลาด และขยายขนาดการให้บริการและขีดความสามารถในการให้บริการให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าทุกรายของ Den Hartogh มีโซลูชันด้านโลจิสติกส์ให้เลือกใช้งานเพิ่มมากขึ้น” คุณกฤชพล กล่าว

Den Hartogh’s Services in Thailand and Beyond

ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ Den Hartogh เนื่องจากประเทศไทยมีอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตจำนวนมากที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ​ ซึ่งรวมถึง เคมีภัณฑ์ น้ำมัน ก๊าซ เภสัชภัณฑ์ อาหารและเครื่องดื่ม งานโลหะ สีและสารเคลือบ การก่อสร้าง เกษตรกรรม เหมืองแร่ และยานยนต์ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการปฏิบัติการยกขนสินค้าที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบสำหรับผลิตภัณฑ์ของตน บริการของ Den Hartogh จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้า และบริษัทฯ มีความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดท้องถิ่นและความท้าทายที่ลูกค้าต้องเผชิญ ตลอดจนทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ ซึ่งมุ่งมั่นที่จะมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

หนึ่งในบริการหลักที่ Den Hartogh นำเสนอในประเทศไทยคือ โลจิสติกส์สินค้าเคมีเหลว เนื่องจากบริษัทฯ มีข้อได้เปรียบจากกองตู้ ISO ขนาดใหญ่ อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการขนส่งทางบก การจัดเก็บ และจัดกระจายสินค้าเคมีเหลวทุกประเภท ครอบคลุมทั้งวัตถุอันตรายและที่ไม่เป็นอันตราย รวมไปถึงบริการยกขนสารเคมีแห้งเทกอง อาทิ ปุ๋ยทุกชนิด แป้งเกรดอาหาร และ พลาสติก

ยิ่งไปกว่านั้น Den Hartogh ยังให้บริการเก็บพักสินค้าระหว่างกระบวนการ รวมถึงบริการส่งต่อสินค้าคงคลังให้กับลูกค้าที่ต้องการจัดเก็บหรือส่งต่อเคมีภัณฑ์หรือก๊าซของตัวเอง และเนื่องจากคุณสมบัติตามธรรมชาติของผลิตภัณฑ์บางประเภท โดยเฉพาะวัตถุอันตรายหรือวัตถุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม พนักงานของ Den Hartogh ทุกคนจึงต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มงวด เพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยงในการจัดการกับสินค้าดังกล่าวอย่างถ่องแท้ โดยบริษัทฯ มีพันธกิจในการมอบบริการที่มีความปลอดภัยและคุณภาพระดับสูงสุดตลอดทั้งซัพพลายเชน

“ที่ Den Hartogh ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง เรามีวัฒนธรรมสำหรับความเป็นเลิศด้านความปลอดภัย เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่และเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เราปฏิบัติตามข้อกำหนด ISO 45001 ในทุกสถานที่ปฏิบัติงานของเรา พร้อมมีการจัดสรรทรัพยากร ข้อมูล และการฝึกอบรมอย่างครอบคลุม ด้วยวิธีการดังกล่าวนี้ เราจึงมั่นใจได้ว่ามีการปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องตรงตามวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยนอกเหนือไปจากการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายในระดับชาติ กฎหมายสากล และกฎหมายระดับภูมิภาคแล้ว เรายังยึดมั่นในมาตรฐานขององค์กรและพันธมิตรที่เราร่วมงานด้วยเช่นกัน” คุณกฤชพล อธิบาย

How Den Hartogh Can Benefit Customers in the Thai Market

โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการมอบบริการแบบครบวงจรภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Den Hartogh ต้องการสนับสนุนลูกค้าชาวไทยผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพซัพพลายเชน ลดต้นทุน ยกระดับความปลอดภัย และปรับปรุงกระบวนการให้สอดคล้องตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

โดยคุณกฤชพล กล่าวว่า “เรามีระบบบริหารจัดการแบบบูรณาการที่ช่วยให้สามารถบรรลุมาตรฐานการบริการ คุณภาพ และความปลอดภัยระดับสูงสุดผ่านโซลูชันโลจิสติกส์ของเรา ระบบนี้ผ่านการตรวจรับรองโดยหน่วยงานอิสระ และได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องผ่านการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าและซัพพลายเออร์ของเรา”

นอกจากนี้ ในด้านสิ่งแวดล้อม Den Hartogh ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการที่มีความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น ผ่านการเปิดตัวกลยุทธ์หลักประการที่ห้าว่าด้วยความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยถือเป็นหลักการสำคัญต่อจากประเด็นด้านความปลอดภัย การมีส่วนร่วมของพนักงาน ความพึงพอใจของลูกค้า และการเติบโตอย่างมีผลกำไร เป้าหมายหลักของขั้นตอนนี้คือการมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และเร่งรัดกระบวนการเปลี่ยนผ่าน โดยจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนจากกิจกรรมการขนส่งสินค้าทั้งหมดของ Den Hartogh ลง 25 เปอร์เซ็นต์ ให้สำเร็จภายในปี 2025  

“เราตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 25 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2025 เราจึงต้องผลักดันโครงการนำร่องไปสู่การปรับใช้งานจริง มีความคิดริเริ่มต่างๆ อยู่มากมาย สิ่งที่เราต้องทำคือเปิดรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านดำเนินไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงทุ่มลงทุนอย่างหนักในการสร้างองค์ความรู้ที่ถูกต้องเพื่อวางรากฐานสู่การริเริ่มและสนับสนุนความเปลี่ยนแปลงนี้” คุณกฤชพล กล่าว

Safety, Reliability, and Cost-Efficiency

“มาตรการด้านความปลอดภัยของเรานั้นเข้มงวดยิ่งกว่าข้อกำหนดของกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ” คุณกฤชพล กล่าว “สถาบันฝึกอบรมเฉพาะของเรามีหลักสูตรการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยที่หลากหลายสำหรับพนักงานระดับปฏิบัติการและพนักงานประจำสำนักงาน และพนักงานปฏิบัติการทุกคนของเราได้รับใบอนุญาตด้านการยกขนสารเคมีเหลว ก๊าซเหลว โพลิเมอร์ และอาหารเทกองแห้ง”

“นอกจากนี้ การปฏิบัติการด้านเคมีภัณฑ์ของเรายังได้รับการสนับสนุนโดยที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยที่มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดที่เราขนส่ง และหัวหน้างานภาคสนามที่คอยให้คำแนะนำและทำการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ แนวทางการดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ และทัศนคติที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ช่วยให้เราสามารถมอบโซลูชันที่ทั้งชาญฉลาดและปลอดภัยอยู่เสมอ”

ทั้งนี้ บริษัท Den Hartogh มีประวัติการดำเนินงานที่ยาวนานในการบริหารจัดการซัพพลายเชนให้กับลูกค้า ซึ่งไว้วางใจให้บริษัทฯ ดูแลกิจกรรมด้านโลจิสติกส์เพื่อยกระดับประสิทธิภาพด้านต้นทุน และปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและความยั่งยืน ในขณะเดียวกัน ลูกค้าก็สามารถทุ่มเทความสำคัญในการบริหารจัดการธุรกิจหลักของตัวเอง จึงสามารถกล่าวได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า Den Hartogh มีส่วนอย่างมากต่อการเติบโตของลูกค้า “เราให้ความสำคัญกับประเด็นปัญหาของลูกค้า โดยจะพิจารณาจากมุมมองของพวกเขาเอง และมีเป้าหมายที่จะก้าวไกลไปกว่าผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทั่วไป” คุณกฤชพล กล่าว “ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าของเราจึงสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงความต้องการเฉพาะต่างๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” เขากล่าวสรุป


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้ONE ประกาศเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Container Shipping Summit ครั้งที่ 2 ในสิงคโปร์
บทความถัดไปDSV เปิดตัวโครงการค่าธรรมเนียมคาร์บอนภายใน ระดมทุนผลักดันแนวคิดริเริ่มด้านความยั่งยืน