ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท Whale Logistics Group หรือ Whale หนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทย ซึ่งให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่หลากหลายและครอบคลุม อาทิ บริการคลังสินค้าและลานจัดเก็บสินค้า คลังสินค้าปลอดอากร บริการรับจัดการขนส่งสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากร และบริการขนส่งสินค้าทางบกด้วยรถบรรทุก ปฏิบัติการโดยทีมงานมืออาชีพที่มีทั้งความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ภายใต้เป้าหมายในการส่งมอบบริการที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพสูงสุดให้แก่ลูกค้า พร้อมสนับสนุนกระบวนการนำเข้า-ส่งออก โดยยึดถือความเป็นมืออาชีพในการให้บริการและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ

แม้ผลการดำเนินการของบริษัทฯ จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แต่ Whale ยังไม่หยุดยั้งความสำเร็จไว้เพียงเท่านี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นต่อยอดศักยภาพและขยายขอบเขตการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องต่อความเปลี่ยนแปลงในตลาดและตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละราย ทั้งในแง่ของความต้องการด้านบริการโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นและเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะบริการคลังสินค้าและลานสินค้าปลอดอากร

นิตยสาร LM ฉบับนี้ มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณธีรจิตร สอนแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท Whale Logistics Group ถึงแนวทางในการให้บริการลูกค้า แผนการขยายธุรกิจ และการยกระดับศักยภาพของบริษัทฯ รวมไปถึงวิสัยทัศน์ในการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายของอุตสาหกรรมฯ ในปัจจุบัน

One-Stop Logistics Expertise

ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร Whale ให้บริการโลจิสติกส์ที่หลากหลายแก่ลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ บริการคลังสินค้าให้เช่า ทั้งในรูปแบบคลังสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าปลอดอากร (Freezone) ศูนย์กระจายสินค้า บริการขนส่งสินค้า บริการรับจัดการขนส่งสินค้าและการดำเนินพิธีการศุลกากร โซลูชันไอทีสำหรับการปฏิบัติการด้านโลจิสติกส์ และบริการอื่นๆ อีกหลายรายการ

คุณธีรจิตร กล่าวว่า “ปัจจุบัน Whale มีพื้นที่คลังสินค้าและลานสินค้ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 2,020,000 ตารางเมตร ครอบคลุมทั้งคลังสินค้าทั่วไป คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ลานสินค้า พื้นที่บรรจุสินค้า และคลังสินค้าและลานสินค้าเขตปลอดอากร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่แหลมฉบังและระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งถือเป็นพื้นที่เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของไทย โดยคลังสินค้าและลานสินค้าของเราโดดเด่นด้วยระบบการจัดการมาตรฐานสากล พร้อมอุปกรณ์ปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพ อาทิ รถเข็นและรถฟอร์คลิฟต์จำนวนมากกว่า 120 คัน รวมถึง ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System: WMS) เพื่อช่วยให้การปฏิบัติงานทุกส่วนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว และปลอดภัย”

คุณอาทิตย์อธิบายเพิ่มเติมว่า “ทีมไอทีของเราได้ออกแบบและพัฒนาระบบ WMS สำหรับการบริหารและจัดการคลังสินค้าโดยเฉพาะ อีกทั้งยังนำระบบช่วยปฏิบัติการอื่นๆ เข้ามาสนับสนุนการทำงานและเสริมประสิทธิภาพการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น ระบบบริหารจัดการการขนส่ง (Transportation Management System: TMS) รวมไปถึงระบบวางแผนทรัพยากรในองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP) ซึ่งครอบคลุมถึงวางแผนจัดการซัพพลายเชน การให้บริการ การเงิน และกระบวนการอื่นๆ ซึ่งล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความพร้อมในการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของ Whale ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะบริการด้านคลังสินค้า ลานจัดเก็บสินค้า รวมถึงบริการคลังสินค้าเขตปลอดอากร (Free Zone Warehouse) ซึ่ง Whale มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลังสินค้าเขตปลอดอากรรายสำคัญของประเทศไทย” 

“ปัจจุบัน Whale มีพื้นที่คลังสินค้าและลานสินค้ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 2,020,000 ตารางเมตร ครอบคลุมทั้งคลังสินค้าทั่วไป คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ลานสินค้า พื้นที่บรรจุสินค้า และคลังสินค้าและลานสินค้าเขตปลอดอากร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่แหลมฉบังและระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งถือเป็นพื้นที่เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของไทย”

– คุณธีรจิตร สอนแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท Whale Logistics Group –

Whale Free Zone 8

คลังสินค้าเขตปลอดอากร (Free Zone Warehouse) ถือเป็นหนึ่งในบริการโลจิสติกส์ที่มีความสำคัญอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการนำเข้า-ส่งออกสินค้า เนื่องจากสิทธิประโยชน์ทางกฏหมายที่ผู้นำเข้า-ส่งออกจะได้รับ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปฏิบัติการในภาพรวมได้เป็นอย่างดี

คุณธีรจิตรกล่าวว่า “บริการคลังสินค้าเขตปลอดอากรของ Whale มีข้อได้เปรียบจากประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และการรักษามาตรฐานระดับสากล อีกทั้งยังให้บริการโดยทีมงานระดับมืออาชีพซึ่งมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านกฏระเบียบศุลกากร กฏหมาย การตลาด และการปฏิบัติการคลังสินค้า”

นอกจากนี้ Whale ยังได้เปิดให้บริการคลังสินค้าเขตปลอดอากรแห่งใหม่ล่าสุด อย่างเขตปลอดอากรปลาวาฬ 8 ในพื้นที่แหลมฉบัง ซึ่งมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 14,954 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้นที่จัดเก็บสินค้า 2,541 ตารางเมตร และชั้นวางสินค้าที่รองรับสินค้าได้มากถึง 2,739 พาเลท

คลังสินค้าเขตปลอดอากรปลาวาฬ 8 ในพื้นที่แหลมฉบัง

คุณธีรจิตรกล่าวถึงศักยภาพของเขตปลอดอากรปลาวาฬ 8 ว่า “คลังสินค้าใหม่นี้นอกจากจะเป็นคลังสินค้าเขตปลอดอากรแห่งใหม่ล่าสุดแล้ว เขตปลอดอากรปลาวาฬ 8 ยังถือเป็นคลังสินค้าที่โดดเด่นที่สุดของ Whale ด้วยศักยภาพในการรองรับสินค้าในรูปแบบ CFS, FCL และ LCL พร้อมด้วยพื้นที่รองรับสินค้าและชั้นวางสินค้าขนาดใหญ่ และระบบการจัดการคลังสินค้าที่ครอบคลุม ช่วยให้สินค้าที่ขนส่งจากและไปยังทั่วโลกสามารถหมุนเวียนเข้าออกได้มากถึงสี่เท่าของจำนวนการจัดเก็บสินค้าทั้งหมด

คุณอาทิตย์กล่าวเสริมว่า “เขตปลอดอากรปลาวาฬ 8 พร้อมส่งมอบบริการเพิ่มมูลค่าอื่นๆ ให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยวางแผนการจัดเก็บสินค้า การหมุนเวียนสินค้าเข้า-ออก และตรวจสอบจำนวนสินค้าคงคลังตามเวลาจริง ภายใต้มาตรฐานคลังสินค้าเขตปลอดอากร รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ การจัดเก็บสินค้า การบรรจุหีบห่อ การติดฉลาก พร้อมสนับสนุนการนำเข้า-ส่งออกสู่ทุกจุดหมายปลายทาง”

“บริการคลังสินค้าเขตปลอดอากรของ Whale มีข้อได้เปรียบจากประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และการรักษามาตรฐานระดับสากล อีกทั้งยังให้บริการโดยทีมงานระดับมืออาชีพซึ่งมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านกฏระเบียบศุลกากร กฏหมาย การตลาด และการปฏิบัติการคลังสินค้า”

– คุณอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท Whale Logistics Group –

Green Logistics

นอกเหนือจากความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แล้ว Whale ยังให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน บริษัทฯ จึงเดินหน้าริเริ่มโครงการโลจิสติกส์สีเขียว (Green Logistics) โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผ่านการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน การประหยัดพลังงาน การปรับใช้เทคโนโลยี และการส่งเสริมกระบวนการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ

คุณธีรจิตรเปิดเผยถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของ Whale ว่า “ปัจจุบันโลกกำลังประสบกับปัญหาสภาพภูมิอากาศและสภาวะเรือนกระจก Whale ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ให้ความสำคัญต่อทั้งการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม จึงมุ่งมั่นปฏิบัติการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญผ่านเป้าหมายในการลดการสร้างมลพิษ ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน

คุณอาทิตย์กล่าวเสริมว่า “เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปฏิบัติการโลจิสติกส์สีเขียว ปัจจุบัน Whale ได้ดำเนินนโยบายโลจิสติกส์สีเขียวที่ครอบคลุมในหลากหลายบริการ ทั้งการใช้อุปกรณ์ก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Construction) ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างคลังสินค้าภายใต้มาตรฐานคลังสินค้าสีเขียว (Green Warehouse) การติดตั้งโซลาร์เซลล์ รวมถึงการลงทุนขยายกองรถรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า (EV) ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการขอใบรับรอง CFO (Carbon Footprint for Organization) ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้ล้วนสอดคล้องกับนโยบายโลจิสติกส์สีเขียวซึ่งมุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในการปฏิบัติการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด”

Expanding Capabilities

แม้ว่าปัจจุบัน Whale จะมีสถานะที่แข็งแกร่งในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำ แต่ด้วยความต้องการด้านบริการโลจิสติกส์ในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง Whale จึงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจพร้อมยกระดับศักยภาพในการรองรับสินค้าให้มากขึ้นเรื่อยๆ

คุณธีรจิตรเปิดเผยถึงแผนงานเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการรองรับสินค้าของ Whale ว่า “เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในบริการโลจิสติกส์ที่เพิ่มมากขึ้น Whale ตั้งเป้าหมายที่จะขยายพื้นที่คลังสินค้าและลานสินค้าเพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 1,220,000 ตารางเมตร หรือราว 763 ไร่ ภายในปี 2026 เรามุ่งมั่นที่จะขยายศักยภาพในการรองรับสินค้า พร้อมยกระดับประสิทธิภาพในบริการคลังสินค้าให้สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปฏิบัติการนำเข้า-ส่งออกของลูกค้า”

Whale Trust

การยกระดับศักยภาพและพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่องของ Whale สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจของ Whale ที่ให้ความสำคัญต่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นพื้นฐานสำคัญ ควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรของบริษัทฯ อยู่เสมอ

คุณธีรจิตรกล่าวถึงหลักการสำคัญของ Whale ในการเอาใจใส่ในทุกความต้องการของลูกค้าว่า “ทีมงานของ Whale ยึดมั่นในหลักการ Whale Trust ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของ Whale ทั้งในการทำงานในองค์กรของเราเอง และการให้บริการแก่ลูกค้า การดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตร นอกเหนือจากการให้บริการที่มีประสิทธิภาพแล้ว ลูกค้าและพันธมิตรของ Whale ยังจะได้รับคำปรึกษาที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของทุกฝ่ายมากที่สุด”

นอกจากนี้ คุณธีรจิตรยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า“ความเอาใจใส่ในลูกค้าตามหลักการ Whale Trust ถือเป็นจุดแข็งหลักของ Whale ซึ่งช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจของเรามีความโดดเด่นอย่างมากในอุตสาหกรรมฯ Whale รู้สึกซาบซึ้งและขอขอบคุณลูกค้าทุกคนที่มอบความไว้วางใจในการเลือกใช้บริการของเรามาโดยตลอด และเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพและคุณภาพการให้บริการของเราต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า พร้อมสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรในทุกอุตสาหกรรมให้ก้าวหน้าสู่ระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ”


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Maersk ฉลองการให้บริการในญี่ปุ่นครบรอบ 100 ปี
Kittipat Sakulborirak
Writer, film maker, coach and some type of your friend