NCL International Logistics (NCL) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำ เผยแผนงานปรับรูปแบบองค์กรครั้งใหญ่ มุ่งเสริมความแข็งแกร่งด้านการบริหารและต่อยอดบริการโลจิสติกส์ระดับสากล ในฐานะผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์กว่า 30 ปี
บริษัท NCL International Logistics หรือ NCL ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1994 ในฐานะผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งระหว่างประเทศ ก่อนที่จะต่อยอดธุรกิจและเปิดให้บริการอื่นๆ เพิ่มเติมจนกลายเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (one-stop service) ชั้นนำ อย่างไรก็ตาม แม้ NCL จะไม่เคยหยุดยั้งการพัฒนากระบวนการทำงานตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่การแข่งขันในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้ทวีความดุเดือดมากขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ทางการค้าและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก กอปรกับบริษัท NCL กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคสมัยใหม่ จึงเป็นเหตุผลที่ทางทีมผู้บริหารได้เล็งเห็นโอกาสทองนี้ในการปรับภาพลักษณ์ของบริษัทและพลิกโฉมรูปแบบการทำงานใหม่ทั้งหมด เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ของตลาดโลจิสติกส์ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
LM มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณพงษ์เทพ วิชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, คุณรวิภา เกริกไกวัลธ์ กรรมการผู้จัดการส่วนงานสนับสนุนธุรกิจและบริหารด้านการเงิน, คุณวิธ แสงวิทยานนท์ กรรมการผู้จัดการส่วนงานพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ และคุณหฤษฏ์ รัตนปริญญานนท์ ผู้อำนวยการส่วนงานพัฒนาธุรกิจ non-logistics บริษัท NCL International Logistics เกี่ยวกับทีมงานบริหารชุดใหม่ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจของ NCL พร้อมเผยถึงแผนงานและเป้าหมายในอนาคต
Strategic Revamp
NCL เป็นบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรอันดับแรกๆ ในอุตสาหกรรมที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เอ็มเอไอ (MAI) โดยที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่น่าเชื่อถือและการเติบโตของผลประกอบการสูงอย่างต่อเนื่อง บริษัท NCL ดำเนินธุรกิจทั้งที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่โลจิสติกส์ (non-logistics) ด้วยบริการที่ครอบคลุมทั้งการขนส่งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ ผ่านบริการที่หลากหลาย ทั้งรูปแบบบริการโลจิสติกส์ อาทิ การจัดส่งสินค้าแบบเต็มตู้สินค้า (FCL) และไม่เต็มตู้สินค้า (LCL) การขนส่งสินค้าแบบ Door-to-Door การขนส่งสินค้าในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลาก รวมถึงบริการตัวแทนขนส่งสินค้าทางเรือ และทางอากาศ นอกจากนี้ NCL ยังมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจเคียงคู่กันมาตลอดระยะเวลาหลายปี ด้วยรากฐานความแข็งแกร่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ NCL ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความสามารถในการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่มีอัตราการเติบโตสูง พร้อมขยายขอบข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
“ผมเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามามีส่วนร่วมทั้งด้านการลงทุนและการขยายธุรกิจของ NCL ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เพื่อให้พร้อมสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง”
คุณพงษ์เทพ วิชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงการเข้าร่วมลงทุนกับบริษัท NCL ในช่วงการปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ว่า “บริษัท NCL มีประวัติการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานกว่า 30 ปี อีกทั้งยังเป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มีความมั่นคงทางธุรกิจ พร้อมด้วยบริการที่โดดเด่นและทีมงานที่มีคุณภาพ ยิ่งไปกว่านั้น NCL ยังมีศักยภาพในการเติบโตต่อไปอีกในอนาคต ผมจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามามีส่วนร่วมทั้งด้านการลงทุนและการขยายธุรกิจของ NCL ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เพื่อให้พร้อมสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง”
ขณะเดียวกัน คุณวิธ แสงวิทยานนท์ กรรมการผู้จัดการส่วนงานพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และธุรกิจจัดหาและขนส่งตู้สินค้า (Box Operator) มากกว่า 20 ปี ได้กล่าวเสริมอีกว่า “บริษัท NCL มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ครอบคลุมและตรงต่อความต้องการของลูกค้า พร้อมให้บริการด้วยบุคคลกรที่มีคุณภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปได้อีก ดังนั้น การเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารครั้งนี้จึงมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพของบริการที่มีอยู่เดิมให้เหนือมาตรฐานยิ่งขึ้น รวมถึงพัฒนาการบริหารบุคลากรอย่างเป็นองค์รวม สร้างจุดหมายร่วมกัน ผ่านการกระจายอำนาจการตัดสินใจแก่พนักงานซึ่งเป็นกำลังสำคัญของบริษัท เพื่อเร่งการพัฒนาและดึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุดและรวดเร็วยิ่งขึ้น”
The Art of Seamless Teamwork
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแนวทางการบริหารงานก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งการลงทุนกับบุคลากรก็เป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทไม่ควรมองข้าม NCL จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรผ่านการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงศักยภาพและนำเอาจุดแข็งของแต่ละคนมาช่วยให้กระบวนการทำงานเกิดความราบรื่นยิ่งขึ้น เนื่องจาก NCL เชื่อว่าการปรับรูปแบบการบริหารแบบศูนย์รวม (Centralization) เป็นรูปแบบการกระจายอำนาจ (Decentralization) จะช่วยทำให้การดำเนินงานเต็มไปด้วยความคล่องตัวสูงและเพิ่มโอกาสในการขยายฐานรายได้แก่บริษัท
“ด้วยรูปแบบบริหารและจัดการงานที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้พนักงานสามารถนำเสนอบริการที่เหมาะสมต่อธุรกิจของลูกค้าโดยที่ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้ว่าพนักงานของเราจะสามารถดูแลและสนับสนุนพวกเขาได้”
คุณรวิภา เกริกไกวัลธ์ กรรมการผู้จัดการส่วนงานสนับสนุนธุรกิจและบริหารด้านการเงิน บริษัท NCL เผยถึงนโยบายแนวทางการบริหารบุคลากรว่า “เนื่องจาก NCL มีการขยายธุรกิจเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ บริษัทจึงมีนโยบายให้พนักงานที่รับผิดชอบในแต่ละธุรกิจเข้าร่วมประชุมประจำเดือน เพื่อรายงานผลการดำเนินงานและแบ่งปันความรู้ร่วมกัน ซึ่งจุดประสงค์ของนโนบายประชุมประจำเดือนนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ว่า เมื่อพนักงานมีความรู้เกี่ยวกับแต่ละธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างดีพวกเขาย่อมสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและถูกจุด นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบบริหารและจัดการงานที่ชัดเจนมากขึ้น ยังทำให้พนักงานสามารถนำเสนอบริการที่เหมาะสมต่อธุรกิจของลูกค้าและยังช่วยให้การทำงานมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวยิ่งขึ้น โดยที่ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้ว่าพนักงานของเราจะสามารถดูแลและสนับสนุนพวกเขาได้”
นอกจากนี้ NCL ยังสนับสนุนให้พนักงานเพิ่มพูนความรู้ในหลักสูตรต่างๆ และเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิชาชีพและแนวทางการพัฒนาการทำงานเพิ่มเติม เพื่อให้พนักงานมีความรู้ทักษะความสามารถมากขึ้น ก้าวทันโลกธุรกิจ รู้จักทิศทางและแนวโน้มการแข่งขันของตลาดในปัจจุบัน ทั้งยังผลักดันให้พนักงานได้ลงมือปฏิบัติงานในสถานที่จริง ซึ่งจะมีส่วนช่วยในมองเห็นภาพรวมของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้ทีมพนักงานของเรามีความเป็นมืออาชีพและมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
Service Strength Unleashed
แม้ว่าการปรับรูปแบบการบริหารองค์กรให้ทันสมัยและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกจะยังอยู่ในช่วงระยะเริ่มต้น แต่ด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งของธุรกิจ ระบบการทำงาน รวมถึงเครือข่ายการให้บริการของ NCL ซึ่งมีความโดดเด่นตลอดระยะเวลากว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา นั้นยังคงสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ว่า บริษัทฯ พร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมให้การสนับสนุนลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นต่อไปด้วยการต่อยอดจากจุดแข็งที่มีอยู่เดิมของ NCL
“NCL มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการขนส่งสินค้าในเส้นทางการค้าเฉพาะหลายเส้นทาง จึงสามารถให้คำแนะนำและให้บริการแก่ลูกค้าได้ตลอดเวลา ทั้งในส่วนของลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่”
หนึ่งในบริการแบบครบวงจรที่เป็นจุดแข็งของบริษัทฯ คือการให้บริการจัดหาและขนส่งตู้สินค้า (SOC) หรือ Box operator โดยล่าสุด NCL ได้มองหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการตู้ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการตู้สินค้าโดยตรงเข้ามาดูแลจัดการในด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่ายในด้านการจัดการ การให้บริการ และการหมุนเวียนตู้สินค้าให้คล่องตัวยิ่งขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น ภายใต้การปฏิบัติการที่ราบรื่น มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือ
โดยคุณวิธ ได้กล่าวถึงการยกระดับการให้บริการตู้สินค้าในครั้งนี้ว่า “ปัจจุบัน บริษัทมีตู้สินค้าเป็นของเราเอง และถูกใช้ในการจัดส่งสินค้าทั่วโลกประมาณ 2,500 ตู้ โดยมีเส้นทางบริการหลักในประเทศไทย เราจึงสามารถปรับขนาดพื้นที่ระวางได้อย่างยืดหยุ่นเมื่อมีสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน อีกทั้ง NCL ยังมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการขนส่งสินค้าในเส้นทางการค้าเฉพาะหลายเส้นทาง จึงสามารถให้คำแนะนำและให้บริการแก่ลูกค้าได้ตลอดเวลา ทั้งในส่วนของลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่”
“นอกเหนือจากบริการขนส่งตู้สินค้าที่เป็นจุดแข็งของ NCL และการให้บริการด้านการดำเนินเอกสารเต็มรูปแบบแล้ว บริษัทฯ ยังมีอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่ครอบคลุม อาทิ คลังสินค้าซึ่งตั้งอยู่ในเขตลาดกระบัง รวมถึงรถบรรทุกหัวลากและหางลากกว่า 150 คัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถปฏิบัติการขนส่งและกระจายสินค้าทั้งภายในประเทศและขนส่งข้ามพรมแดนได้อย่างรวดเร็ว” คุณรวิภา กล่าวเสริม
Navigating Success
“นับเป็นเวลากว่าสองปี หลังจากที่ NCL ได้เริ่มต้นเข้าสู่การปรับปรุงแนวทางการบริหารรูปแบบใหม่ ปัจจุบัน ทีมงานของบริษัท ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยยกระดับศักยภาพของ NCL ให้ก้าวไปสู่อีกระดับ พร้อมตอบรับทุกความต้องการของลูกค้าและการขยายตัวของตลาดโลจิสติกส์ในอนาคต” คุณพงษ์เทพ กล่าว
“บริษัท NCL ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ของบริษัทผ่านการขยายธุรกิจประเภท NON-LOGISTICS เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าธุรกิจกลุ่ม NON-LOGISTICS จะสามารถเกื้อกูลธุรกิจกลุ่มโลจิสติกส์ของบริษัท พร้อมทั้งขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจแก่ลูกค้าของบริษัทฯ เองด้วย”
NCL เล็งเห็นว่าการจะก้าวเป็นผู้นำด้านบริการโลจิสติกส์ บริษัทย่อมต้องมีโครงสร้างการบริหารภายในองค์กรที่แข็งแกร่ง ดังนั้น การปรับโครงสร้างและภาพลักษณ์องค์กรจึงสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนและเป้าหมายของ NCL ได้อย่างชัดเจน
“นอกเหนือจากการเดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรและการยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าผ่านทีมงานมากประสบการณ์แล้ว บริษัท NCL ยังตั้งเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ของบริษัทผ่านการขยายธุรกิจประเภท non-logistics โดยจะเน้นการมีส่วนร่วมในโครงการของภาครัฐและการลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติม เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าธุรกิจกลุ่ม non-logistics ที่เราตั้งใจลงทุนนี้จะสามารถเกื้อกูลธุรกิจกลุ่มโลจิสติกส์ของบริษัท พร้อมทั้งขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจแก่ลูกค้าของบริษัทฯ เองด้วย” คุณหฤษฏ์ รัตนปริญญานนท์ ผู้อำนวยการส่วนงานพัฒนาธุรกิจ non-logistics กล่าวเสริม
นอกจากนี้ คุณวิธ ยังได้กล่าวปิดท้ายว่า “ด้วยศักยภาพของ NCL และประสบการณ์ที่สั่งสมในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มากกว่า 20 ปี เราพร้อมจะนำความเชี่ยวชาญและความรู้เชิงลึกมาพัฒนาและผลักดัน NCL ให้เติบโตไปข้างหน้าไปกับกับลูกค้าของเรา พร้อมส่งมอบประสบการณ์การใช้บริการโลจิสติกส์อันยอดเยี่ยมและเป็นเลิศกว่าที่ผ่านมา”
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่