ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการหลายรายต้องหันกลับมาพิจารณากระบวนวิธีในการจัดการและจัดเก็บสินค้าอีกครั้ง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว และยกระดับการปฏิบัติการให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เข้มงวดมากขึ้น

ท่ามกลางวิกฤตนี้ Swisslog Thailand มองเห็นโอกาสที่เป็นประโยชน์แก่ผู้คนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก จึงได้จัดการสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ ‘การยกระดับซัพพลายเชนด้วยระบบคลังสินค้าอัตโนมัติเพื่อตอบสนองความท้าทายท่ามกลางวิกฤต COVID-19’ โดยมีคุณพิชามญชุ์  พัฒนจิรานันท์ เป็นวิทยากรให้ความรู้ผ่านการสัมมนาภาคในรูปแบบภาษาไทย เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา

โดยในการสัมมนาครั้งนี้ คุณพิชามญชุ์ ได้ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการปรับใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติเพื่อยกระดับ 3 กลยุทธ์สำคัญในการปฏิบัติการจริง ซึ่งครอบคลุมกลยุทธ์คลังสินค้า กลยุทธ์ห่วงโซ่ความเย็น และกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

กลยุทธ์จัดเก็บสินค้าแบบ Stockpiling

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าในลักษณะ ‘Panic Buying’ หรือการซื้อสินค้าในปริมาณมากต่อครั้ง ผลกระทบก็คือสินค้าขาดตลาด ดังจะเห็นได้จากชั้นวางสินค้าที่ว่างเปล่าในห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นอย่างกระดาษชำระ อาหารกระป๋อง อาหารแปรรูป และหน้ากากอนามัย อย่างไรก็ตามเบื้องหลังของปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากความบกพร่องในกระบวนการผลิต แต่เป็นกระบวนการจัดเก็บและกระจายสินค้าที่ไม่สามารถจัดการกับสินค้าที่เพิ่มขึ้นในปริมาณมากอย่างรวดเร็วได้ทันต่อความต้องการ

การออกแบบคลังสินค้าสำหรับการ Stockpiling โดยเน้นการจัดเก็บในแนวตั้ง ร่วมกับระบบจัดการอัตโนมัติจึงถือเป็นกลยุทธ์คลังสินค้าที่ตอบโจทย์การจัดเก็บสินค้าจำนวนมากในพื้นที่จำกัด และมีการไหลของสินค้าตลอดเวลา “คลังสินค้าอัตโนมัติ ASRS (Automated Storage and Retrieval System) สามารถขยายชั้นวางสินค้าได้สูงถึง 40 เมตร ซึ่งมีพื้นที่จัดเก็บสินค้ามากกว่า 330 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคลังสินค้าที่ใช้ชั้นวางสูง 12 เมตร ภายใต้ระบบการจัดการแบบดั้งเดิม” คุณพิชามญชุ์กล่าว

นอกจากการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสินค้าตามแนวตั้งแล้ว Swisslog ยังสามารถออกแบบความลึกของชั้นวางสินค้าเพื่อเพิ่มความหนาแน่นทั้งในรูปแบบ single, double, triple หรือ multi-deep ซึ่งเหมาะกับสินค้าที่มีหน่วย SKU เท่ากัน และใช้การหยิบสินค้าร่วมกับระบบอัตโนมัติแบบ Tunnel Pick ซึ่งจะทำหน้าที่เติมพาเลทสินค้าทันทีเมื่อสินค้าถูกหยิบออกหมดจากพาเลท ทำให้การไหลของสินค้ามีความต่อเนื่องและรวดเร็ว

ห่วงโซ่ความเย็นที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติ

“จากการแพร่ระบาดที่ทำให้เกิดการล็อคดาวน์ และวิถีการทำงานแบบ Work from Home ที่ผู้คนต้องอยู่กับบ้านมากขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ การออกไปเลือกซื้ออาหารสด หรือทานอาหารนอกบ้านไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้บริโภคอีกต่อไป ความต้องการสินค้าอาหารพร้อมทานแบบแช่เย็น แช่แข็ง หรืออาหารแปรรูปจึงเพิ่มมากขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์” คุณพิชามญชุ์กล่าว

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการผลิตสินค้าอาหารไทย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จึงได้จัดโครงการ ‘สินค้าอาหารไทย ปลอดการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019’ (Thailand Deliver with Safety) ทำให้มาตรการป้องกันอาหารปนเปื้อนสำหรับโรงงานผลิต ผู้ส่งออก รวมถึงผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น

การหลีกเลี่ยงการใช้แรงงานคนเพื่อลดการปนเปื้อน และนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาปรับใช้กับคลังสินค้าอาหารแช่เย็นแช่แข็ง จึงเป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยทางอาหาร ทำให้การไหลของสินค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและสอดคล้องกับความต้องการ โดยคุณพิชามญชุ์ได้กล่าวเสริมว่า “ระบบและอุปกรณ์อัตโนมัติของ Swisslog สามารถปฏิบัติการในคลังสินค้าที่มีอุณหภูมิติดลบได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถออกแบบให้ระบบอัตโนมัติลำเลียงสินค้าจากคลังสินค้าแช่แข็งมายังจุดหยิบสินค้า (Goods to Person) ที่มีอุณหภูมิเป็นมิตรต่อผู้ปฏิบัติงาน ช่วยให้พนักงานไม่ต้องทำงานอยู่ในอุณหภูมิเย็นจัด และสามารถทำงานร่วมกับระบบอัตโนมัติได้อย่างไร้รอยต่อ”

AutoStore เทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงในที่เห็นได้ชัดจาก COVID-19 คือการซื้อสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซหลายรายต้องประสบปัญหาในการจัดเก็บสินค้าจำนวนมากและจัดส่งอย่างเป็นระบบ ซึ่งส่งผลให้สินค้าไปถึงปลายทางล่าช้า

คุณพิชามญชุ์ได้ยกตัวอย่างโซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหานี้ว่า “AutoStore สามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสินค้าในแนวตั้งบนขนาดพื้นที่แนวราบเท่าเดิม ทำให้เก็บสินค้าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าหรือซื้อพื้นที่จัดเก็บสินค้าเพิ่มเติม โดยระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ลำเลียงสินค้าจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการหยิบสินค้าให้ดียิ่งขึ้น”

True Branding Shop เป็นศูนย์บริการของ TRUE Corporation แห่งแรกใน ICONSIAM ที่ได้นำนวัตกรรม AutoStore ไปปรับใช้ในการจัดการสินค้าโทรศัพท์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ในพื้นที่จำกัด ด้วยระบบจัดเก็บสินค้าโดยหุ่นยนต์ประสิทธิภาพสูง ควบคู่กับโซลูชันประมวลรายการคำสั่งซื้อที่มีการหมุนเวียนบ่อย ทำให้สินค้าลำเลียงมาถึงจุดหยิบตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว

การสัมมนาของ Swisslog Thailand ในครั้งนี้ ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้คนในอุตสาหกรรม โดยคุณพิชามญชุ์เผยว่า “มีผู้คนจากหลากหลายภาคส่วนของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่เข้าร่วมสัมมนา และติดต่อสอบถามเกี่ยวกับบริการของเราเพิ่มเติม ขอขอบคุณผู้เข้าชมทุกท่านที่ให้ความสนใจ และเราหวังว่าการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการปรับใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถตอบรับกับสถานการณ์ COVID-19 ได้ดียิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ การที่ Swisslog เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอัตโนมัติมาโดยตลอด ก็ส่งผลให้บริษัทมีความได้เปรียบในทุกยุคสมัย แม้ในยุควิกฤต COVID-19 ที่ทำให้ระบบอัตโนมัติ และโซลูชันคลังสินค้าที่ชาญฉลาดมีความสำคัญยิ่งขึ้นกว่าครั้งไหนๆ

โดยทุกโซลูชันจาก Swisslog ไม่เพียงมุ่งเน้นการปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่จำกัด แต่ยังรวมถึงการปรับใช้เทคโนโลยีให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากที่สุดอีกด้วย

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Interasia Lines เข้าร่วมบริการ CPX3 Service
บทความถัดไปMSC ปรับใช้โซลูชัน Silverstream ยกระดับประสิทธิภาพกองเรือ พร้อมลดการปล่อยมลพิษ
Satida Tinarak
Satida Tinarak is a fresh writer who loves to read political novels or even constitutional law. Politics news is a subject that she never gets tired of.