JWD เผยยุทธศาสตร์ 5 ปี ขยายฐานธุรกิจขนส่งต่อเนื่อง สร้างศูนย์กระจายสินค้าเย็น มุ่งสร้าง New S-Curve ดันรายได้ทะลุหมื่นล้าน

0
3604

JWD เผยยุทธศาสตร์ห้าปี เดินหน้าขยายฐานธุรกิจการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (multimodal) เร่งสร้างศูนย์กระจายสินค้าห้องเย็นในหัวเมืองเศรษฐกิจ มุ่งสร้าง New S-Curve ดันรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท

บริษัท JWD InfoLogistics Public Company Limited (JWD) เปิดเผยแผนธุรกิจและยุทธศาสตร์ห้าปี พร้อมเป้าหมายในการผลักดันรายได้ของบริษัทฯ ให้ก้าวสู่ระดับ 10,000 ล้านบาท ผ่านกลยุทธ์ต่อยอดการเติบโตจากธุรกิจปัจจุบันและลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดย JWD ได้วางแผนขยายธุรกิจเพื่อก้าวสู่ผู้ให้บริการขนส่งครบวงจร ทั้งการขนส่งสินค้าทางเรือ ทางราง และทางบก โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เสริมศักยภาพเครือข่ายการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (multimodal) ผ่านการเข้าซื้อกิจการของบริษัท VNS Transport ด้วยเงินลงทุนรวม 200 ล้านบาท ด้านธุรกิจห้องเย็น บริษัทฯ ได้เดินหน้าลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าห้องเย็นในจังหวัดเศรษฐกิจเพื่อเป็นศูนย์กลางในแต่ละภูมิภาค และยังรุกธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

พร้อมกันนี้ JWD เตรียมขยายฐานธุรกิจกลุ่ม B2C ผ่านการผลักดันธุรกิจบริการ Self-Storage บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิด่วน เจาะกลุ่มอาหารและยา รวมถึงบริการระบบจัดการคลังสินค้าออนไลน์ (order fulfillment) ทั้งคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิและคลังแห้ง คาดพร้อมเปิดให้ภายในเดือนกรกฎาคมปีนี้

มุ่งสู่บริษัทรายได้กว่า 10,000 ล้านบาทในห้าปี

คุณชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท JWD InfoLogistics Public Company Limited ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่า “JWD ได้วางแผนยุทธศาสตร์ห้าปี เพื่อสนับสนุนให้ JWD ก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมอัตราเติบโตมากกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2020 ซึ่งมีรายได้รวมกว่า 3,900 ล้านบาท โดยยอดการเติบโตดังกล่าวจะมาจากการขับเคลื่อนธุรกิจปัจจุบันให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการเดินหน้าขยายการลงทุนธุรกิจใหม่ ที่จะเป็น New S-Curve และสามารถต่อยอดกับธุรกิจปัจจุบันได้ ภายใต้งบลงทุนรวมประมาณ 15,000 ล้านบาทในช่วงห้าปีนับจากนี้ ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากหลากหลายช่องทาง ทั้งกระแสเงินสด วงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน การเสนอขายหุ้นกู้ การจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อระดมทุนและทำสัญญาให้เช่าทรัพย์สินแก่กองทรัสต์

สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจปัจจุบันให้มีรายได้เติบโตตามเป้าหมายนั้น บริษัทฯ จะมุ่งเน้นสามส่วนคือ กลุ่มธุรกิจขนส่ง ห้องเย็น และธุรกิจในต่างประเทศ สำหรับกลุ่มขนส่งการเน้นเพิ่มศักยภาพการให้บริการแบบ Multimodal หรือ ‘การขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ’ ได้แก่ ทางบก ทางน้ำ และทางราง โดยบริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจสู่การเป็นผู้บริหารจัดการท่าเรือน้ำลึก (deep sea port) ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี  จากปัจจุบันที่ JWD ได้รับสิทธิ์บริหารท่าเทียบเรือชายฝั่ง (barge terminal) จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย และเป็นผู้ให้บริการยกขนและเคลื่อนย้ายตู้สินค้าทางรางภายในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง

ก้าวสู่ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าครบวงจรระดับอาเซียน

ล่าสุด บริษัท JWD Transport (Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JWD ได้บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท VNS Transport หรือ VNS และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง โดยจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 200 ล้านบาท และในขณะเดียวกัน คุณบดินทร ตัณฑไพบูลย์ ผู้บริหาร บริษัท VNS Transport ก็จะเข้าถือหุ้นของ JWD Transport ในสัดส่วน13.6 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเข้าดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ เพื่อขยายธุรกิจด้านการขนส่งสินค้าและยกระดับ JWD Transport ให้เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยสามารถใช้ความเชี่ยวชาญของ VNS ขยายธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าแบบมิลค์รัน (Milk Run) โดยเฉพาะการรับขนส่งชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์จากผู้ผลิตแต่ละราย เพื่อจัดส่งยังโรงงานผลิตรถแบรนด์ต่างๆ ตามเวลาที่กำหนด และเมื่อผนวกเข้ากับความเชี่ยวชาญการรับขนส่งยานยนต์แก่ผู้ผลิตรถแบรนด์ต่าง ๆ ของ JWD Transport จะทำให้บริษัทฯ มีบริการด้านโลจิสติกส์ยานยนต์ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

ภายหลังควบรวมกิจการ บริษัทฯ จะเดินหน้าขยายฐานธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าอื่น ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว อาทิ การรับขนส่งสินค้าเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย สินค้าทั่วไป สินค้าขนาดใหญ่ (project cargo) บริการขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิ บริการขนส่งข้ามแดน และอื่นๆ อีกหลายบริการ โดยคาดว่าปีนี้ บริษัท JWD Transport (Thailand) จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จากเดิมกว่า 400 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เป็นรายได้รวมกว่า 800 ล้านบาทในปีนี้  พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้แต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเตรียมนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2023 อีกด้วย

ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้าเย็น บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนทั้งในรูปแบบการลงทุนเองหรือร่วมทุนกับพันธมิตรที่สนใจ เพื่อพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าห้องเย็นในจังหวัดที่มีศักยภาพ ที่จะใช้เป็นศูนย์กลางรวบรวมสินค้าแก่ซัพพลายเออร์ในพื้นที่หรือจังหวัดใกล้เคียงและส่งต่อไปถึงจุดหมาย โดยบริษัทฯ กำลังให้ความสนใจที่จะขยายธุรกิจในพื้นที่ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน อีกทั้งยังได้ตั้งเป้าหมายขยายการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ในต่างประเทศ อาทิ กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย เพิ่มเติม ทั้งในรูปแบบการลงทุนเองและควบรวมกิจการ ภายในอีกห้าปีข้างหน้าด้วย

รุกขยายฐานธุรกิจ B2C

คุณชวนินทร์ กล่าวต่อว่า “สำหรับการลงทุนขยายธุรกิจใหม่ บริษัทฯ จะรุกขยายฐานธุรกิจ B2C (Business to Customer) โดยจะมุ่งผลักดันธุรกิจบริการห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า (self-storage) ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และปัจจุบัน กำลังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนร่วมกับพันธมิตรจากต่างประเทศซึ่งเป็นเจ้าของโมเดลธุรกิจให้บริการค้นหาและจองพื้นที่ห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่าผ่านแอพพลิเคชันซึ่งมีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมในเอเชีย ซึ่งคาดว่าการร่วมมือดังกล่าวสามารถผลักดันให้ JWD ก้าวเป็นผู้ให้บริการ self-storage ระดับภูมิภาค”

นอกจากนี้ JWD ยังมุ่งมั่นต่อยอดธุรกิจด้วยบริการเพิ่มเติมอีกสองบริการ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งประกอบด้วย บริการระบบจัดการคลังสินค้าออนไลน์ (order fulfillment) สำหรับคลังแห้งและคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ทาง JWD มีองค์ความรู้และศักยภาพในด้านที่ตั้งทางยุทธศาสตร์พร้อมอยู่แล้ว โดยในเฟสแรกนั้นมีพื้นที่ให้บริการ 5,920 ตร.ม. เตรียมเปิดให้บริการภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และอีกหนึ่งบริการคือ Cold Chain Express ซึ่งที่ผ่านมามีการเติบโตแบบก้าวกระโดดสอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคปัจจุบันในยุค New Normal เป็นอย่างดี และบริษัทฯ วางแผนที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายสินค้าเพื่อสุขภาพและยาเพิ่มเติมด้วย

ตั้งเป้าหมายสร้าง New S-Curve

อีกหนึ่งส่วนธุรกิจที่ JWD ตั้งเป้าหมายช่วยเสริมการเติบโตของ New S-Curve คือ การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท Origin Property และ JWD ภายใต้ชื่อ บริษัท Origin JWD Industrial Asset เพื่อดำเนินกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์ ทั้งในส่วนของคลังสินค้าอัจฉริยะ (smart warehouse) โครงการคลังสินค้าที่สร้างขึ้นตามความต้องการเฉพาะ (built-to-suit) และโครงการห้องเย็นสำเร็จรูป (cold storage) ซึ่งขณะนี้มีความต้องการใช้งานจำนวนมาก รวมทั้งการจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ศึกษาโอกาสเข้าลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อต่อยอดกับธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน การลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10-12 เปอร์เซ็นต์ หรือธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตและกำลังเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยล่าสุด JWD ได้เข้าลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านระบบบริหารจัดการร้านอาหาร เพื่อต่อยอดขยายธุรกิจ Food Services และ Cold Chain Express Delivery เพื่อรองรับบริการด้าน Restaurant Platform ที่ทำหน้าที่เสมือนซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ที่รวมรวบวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหาร เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ เลือกซื้อ โดย JWD จะทำหน้าที่ในการรวบรวม คัดแยกและจัดส่งวัตถุดิบไปยังร้านอาหารต่างๆ

โดยคุณชวนินทร์ ยังได้เน้นย้ำอีกครั้งว่า “ระยะเวลาห้าปีนับจากนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ JWD จะเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด โดยจะต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนเอง ร่วมทุน และพิจารณาทำ M&A เพื่อขยายเครือข่ายธุรกิจโลจิสติกส์ในไทยและเอเชีย ซึ่งจะทำให้ JWD ยกระดับเป็นผู้นำธุรกิจด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในภูมิภาคอาเซียน”

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้ท่าเรือแหลมฉบังหนุนเศรษฐกิจและการค้าไทยในฐานะท่าเรือเกตเวย์ระดับโลก
บทความถัดไปONE ขยายกองตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิใหม่ 27,500 ยูนิต
Phubet Boonrasri
Chen is an experienced writer and an avid explorer of nature. He thrives on travelling, hiking, and backpacking to new places. His wanderlust has allowed him to experience and learn from new cultures, allowing him to better accommodate for whatever comes his ways.