Sino Connections ฉลองทศวรรษแห่งความสำเร็จ สู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับภูมิภาค

0
4031

นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเป็นครั้งแรกด้วยจำนวนพนักงานรวมกับผู้บริหารเพียงแปดท่านเมื่อปี 2010 ปัจจุบัน Sino Connections Logistics (Thailand) มีพนักงานประจำกว่า 65 คน และกลายเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากที่สุดของไทย รวมทั้งมีการขยายสำนักงานไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และกัมพูชา

นิตยสาร LM ของเราได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Sino Connections Logistics (Thailand) เพื่อย้อนดูเส้นทางการเติบโตตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา และวิสัยทัศน์ในการขยับขยายบริการในอนาคต รวมทั้งการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ในการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลด้วยความรวดเร็ว จากสภาวะที่ถูกบังคับด้วยการแพร่ระบาดของ Covid-19

From a Humble Beginning

Sino Connections Logistics เริ่มต้นจากการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางเรือ ในเส้นทางการค้าระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาเพียงเส้นทางเดียว ทว่าเพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้น พวกเขาก็สามารถขยายขอบข่ายการบริการโดยครอบคลุมเส้นทางในทุกทวีป รวมทั้งบริการประเภทอื่นๆ มากยิ่งขึ้น

คุณนันท์มนัสกล่าวว่า “ในช่วงแรกเราให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางเรือในเส้นทางการค้าไทย-สหรัฐอเมริกาเท่านั้น ต่อมาเราเล็งเห็นว่าตลาดการขนส่งสินค้ากำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เราจึงขยายบริการของเราให้ครอบคลุมการขนส่งประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ บริการขนส่งงานโครงการ (Project Cargo) บริการรถหัวลาก บริการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก รวมไปถึงการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน”

“ต่อมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า เราจึงเพิ่มบริการด้านพิธีการศุลกากรและบริการรับบริหารจัดการคลังสินค้าเข้ามา ทำให้ตอนนี้เรากลายเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรอย่างเต็มตัว นอกจากนี้ ในปี 2019 เรายังได้เปิดสำนักงานแห่งที่สองในประเทศไทยที่แหลมฉบัง นับเป็นอีกก้าวในการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่อยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศไทย รวมทั้งมีการขยายสำนักงานออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น เวียดนาม, มาเลเชีย และกัมพูชา เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน”

“จุดเด่นที่ทำให้เราแตกต่างและสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว คือบริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมในราคาที่เหมาะสม โดยทีมงานของเราจะศึกษาธุรกิจของลูกค้าแต่ละรายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายเล็กหรือว่ารายใหญ่ ก่อนที่จะเสนอบริการที่ปรับแต่งมาอย่างเหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าของเราเป็นอย่างมาก เพราะลูกค้าสามารถวางใจให้เราดูแลกิจกรรมด้านโลจิสติกส์และการกระจายสินค้าทั้งหมด ภายใต้ต้นทุนรวมที่เหมาะสมและแข่งขันได้ ในขณะที่ฝ่ายลูกค้าก็สามารถทุ่มเทกับการผลิตและพัฒนาสินค้าของตัวเองได้อย่างไม่ต้องกังวล”

An Outlook to the Future

หากช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมา คือการสร้างรากฐานที่มั่นคงในฐานะผู้เล่นหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ นับจากนี้ก็คือช่วงเวลาที่ Sino Connections จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำในระดับอาเซียน และจุดมุ่งหมายแรกของพวกเขาก็คือ การขยายบริการให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

คุณนันท์มนัสกล่าวว่า “ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เราสามารถเติบโตตามหลักไมล์ที่เราวางเอาไว้ จากบริษัทที่มีบริการเพียงอย่างเดียว ได้กลายเป็นบริษัทที่ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ซึ่งนับจากนี้ เป้าหมายในอนาคตของเราคือ การขยายบริการให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้นและนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อเสริมศักยภาพ”

“นอกจากนี้เรายังวางแผนขยายบริการคลังสินค้าของเราให้ครอบคลุมตำแหน่งที่ตั้งของลูกค้า เพื่อเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการซัพพลายเชนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นสินค้าของตนเองได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง”

“อย่างไรก็ตามสิ่งแรกที่เราต้องทำคือการรักษามาตรฐานบริการระดับสูงเอาไว้ พร้อมมอบความสุขและความพึงพอใจในการใช้บริการของลูกค้าเอาไว้ให้ได้เสมอ”

Leaping into the Digital Era

สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ จะเข้าใจดีว่าการผลักดันให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัวนั้นเป็นหนึ่งในความท้าทายของอุตสาหกรรมฯ มาอย่างยาวนาน แม้จะมีความพยายามร่วมมือกันจากหลายๆ ฝ่าย แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ จนกระทั่งช่วงต้นปี 2020 เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก เมื่อการติดต่อทางกายภาพเป็นสิ่งต้องห้ามเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด อุตสาหกรรมต่างๆ จึงถูกบังคับให้ต้องปรับตัวอย่างทันที เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินไปได้

แน่นอนว่า Sino Connections ได้เล็งเห็นถึงความเสี่ยงดังกล่าว และเตรียมความพร้อมภายในองค์กร จนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างลื่นไหล ภายใต้ข้อจำกัดที่เกิดขึ้น

คุณนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Sino Connections Logistics (Thailand)

“นับตั้งแต่เราได้ข่าวการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในช่วงเดือนมกราคมที่ประเทศจีน เราก็ได้เตรียมแผนการรองรับในกรณีที่การแพร่ระบาดทวีความรุนแรงขึ้น โดยเราได้โยกย้ายระบบการทำงานภายในองค์ทั้งหมดขึ้นไปอยู่บนระบบคลาวด์ (Cloud) ซึ่งช่วยให้พนักงานของเราที่ทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) สามารถเข้าถึงระบบภายในและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างลื่นไหล”

“นอกจากนี้ เรายังได้พัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อนำมาใช้ในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลดิจิทัล (EDI) ระหว่างผู้ส่งสินค้า ผู้รับสินค้า ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร รวมทั้งสำนักงานศุลกากร ขณะเดียวกันเราก็ได้พัฒนาระบบที่ชื่อว่า ‘Order Management’ ขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า โดยผู้สั่งซื้อสินค้าจะทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบของเรา ซึ่งทั้งลูกค้าผู้ส่งออกและทางเราจะได้รับข้อมูลพร้อมกัน ทำให้เราสามารถอำนวยความสะดวกในการจองพื้นที่ระวางสินค้าให้กับลูกค้าได้ทันที รวมไปถึงการประสานงานด้านโลจิสติกส์ต่างๆ กับคู่ค้าด้วย”

“ทันทีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้น ผมได้แจ้งให้พนักงานทุกคนทำงานจากที่บ้านทันที ยกเว้นเพียงแต่พนักงานบางตำแหน่งเท่านั้นที่ต้องประจำอยู่ที่สำนักงาน ซึ่งด้วยระบบที่เราตระเตรียมไว้อย่างเพียบพร้อม ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากในสถานการณ์ปกติ รวมทั้งยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้กับพนักงานอีกด้วย”

มีคำกล่าวว่า “ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ” ท่ามกลางวิกฤติที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปทั่วโลก คุณนันท์มนัสเชื่อว่าเมื่อวิกฤติผ่านพ้นไป อุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

“แม้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมและภาคธุรกิจต่างๆ แต่ในอีกแง่หนึ่ง วิกฤติดังกล่าวกลับเป็นการเร่งกระบวนการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และผมเชื่อว่าหลังจากวิกฤติผ่านพ้นไป เทคโนโลยีต่างๆ ที่ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาจะถูกพัฒนาต่อยอด และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ยุคใหม่อย่างแน่นอน”

ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีผู้เล่นอยู่มากมาย Sino Connections Logistics (Thailand) กลับเป็นหนึ่งในผู้เล่นหน้าใหม่ที่สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในช่วงเวลาสิบปีทีผ่านมา ด้วยรากฐานที่มั่นคงและบริการที่มีความเฉพาะตัว ตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับภูมิภาคอย่างเต็มภาคภูมิ


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้สหไทย เทอร์มินอล เดินหน้าโครงการโลจิสติกส์พาร์ค และศูนย์กระจายสินค้า
บทความถัดไปInterroll ลงทุน 181 ล้านหยวน เตรียมเปิดโรงงานใหม่ในซูโจว รองรับการเติบโตของเอเชียแปซิฟิก
Pichanon Paoumnuaywit
tech and history geek, who enjoys hunting and photographing dark skies and milky way