จากบริษัทผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้า (Freight Forwarder) ที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จตลอดทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท Sino Connections Logistics พร้อมก้าวสู่ทศวรรษที่สองกับความสำเร็จบทใหม่ ภายใต้แบรนด์ Sino Logistics Corporation เดินหน้ารุกตลาดโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างต่อเนื่อง

ตลอด 10 ปีในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ กลุ่มบริษัท Sino Connections Logistics (Thailand) มุ่งมั่นให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการขยายเครือข่ายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีทิศทางและรูปแบบการให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุม

ในโอกาสการก้าวสู่ปีที่ 11 นี้ บริษัทฯ ได้พลิกโฉมเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Sino Logistics Corporation พร้อมรุกตลาดบริการโลจิสติกส์ให้ครอบคลุมทั้งซัพพลายเชนการขนส่งสินค้า มุ่งตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากขึ้นของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ

นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทแล้ว Sino Logistics Corporation ยังมาพร้อมโลโก้ใหม่สีสันสดใส แต่แฝงด้วยความหมายอันลึกซึ้ง โดยสีฟ้าสื่อถึงท้องฟ้าและท้องทะเล โดยมีตัวอักษร S อยู่ตรงกลาง เพื่อแสดงถึงการเชื่อมโยงจากจุดหนึ่งไปสู่จุดหนึ่ง ผ่านการเดินทางทั้งทางน้ำและทางอากาศเพื่อเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงและทิศทางการธุรกิจของกลุ่มบริษัท Sino Logistics Corporation ในโอกาสการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่สองและการรีแบรนด์ในครั้งนี้ให้ดียิ่งขึ้น LM ได้พูดคุยกับคุณนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Sino Logistics Corporation เกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่นี้

Change for the Better

จากบริษัทผู้รับจัดการขนส่งสินค้าดาวรุ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน Sino Logistics Corporation ก้าวขึ้นเป็นบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่มีทั้งประสบการณ์และชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมฯ พร้อมขยายเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมตลอดซัพพลายเชนการขนส่ง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจต่อยอดการเติบโตให้มากยิ่งขึ้นผ่านการรีแบรนด์องค์กรใหม่ เพื่อพัฒนาภาพลักษณ์องค์กรให้เป็นที่จดจำในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ไม่ใช่เพียงบริษัทผู้รับจัดการขนส่งสินค้าทั่วไปเพียงอย่างเดียว

คุณนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Sino Logistics Corporation

คุณนันท์มนัส กล่าวว่า “เราต้องการขยายฐานธุรกิจให้ครอบคลุมทั้งซัพพลายเชนการขนส่งทั้งหมด นับตั้งแต่การจัดการสินค้าต้นทางตั้งแต่ประตูโรงงาน การบริหารคลังสินค้า หรือการจัดการสินค้าตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ ไปจนถึงปลายทางการขนส่งของลูกค้า (end-to-end) รวมไปถึงบริการตัวแทนออกของและการดำเนินพิธีการศุลกากร โดยเรามีทีมผู้บริหารและพนักงานที่มีประสบการณ์ ผ่านการฝึกอบรมและมีใบรับรอง ซึ่งการขยายขอบเขตการให้บริการนี้จะช่วยให้เราสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายขึ้นได้เป็นอย่างดี”

แม้ว่าบริษัทฯ จะเติบโตจากการเป็นผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าทางเรือในเส้นทางการค้าไทย-สหรัฐอเมริกา เป็นหลัก แต่ปัจจุบัน Sino Logistics Corporation ได้ต่อยอดการเติบโตและขยายเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมต้นทางและปลายทางที่หลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยแนวทางการให้บริการที่แตกต่างและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง จนทำให้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่กว้างขวาง มีปริมาณตู้สินค้าที่ให้บริการมากถึง 42,000 ทีอียูต่อปี ขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยของบริษัทฯ อยู่ที่ปีละ 10 -15 เปอร์เซ็นต์อย่างต่อเนื่อง

“ความแตกต่างในการให้บริการของ Sino Logistics Corporation ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้เราสามารถยกระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเราสามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง รวมไปถึงแนวทางการให้บริการที่เหนือระดับ เราไม่ได้ให้บริการลูกค้าเพียงแค่มูลค่าตามใบเสนอราคาเท่านั้น เพราะในใบเสนอราคา เราเสนอตัวเลขเฉพาะบริการจัดการขนส่งสินค้าจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่เรามอบให้คือการบริการที่มากกว่า ครอบคลุมการสนับสนุนและช่วยเหลือลูกค้าในการขนส่งอย่างเต็มที่ ทั้งการติดตามสินค้าในปลายทางกรณีที่มีปัญหาตู้สินค้าหนาแน่น หรือช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกในปลายทางที่สหรัฐอเมริกา รวมถึงการนำเสนอโซลูชั่นและทางเลือกที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้า เพื่อช่วยให้การขนส่งสินค้าของพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบจนเกิดความล่าช้า และทำให้ต้นทุนการให้บริการที่สูงเกินไป ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเมื่อใช้บริการของเรา ลูกค้าจะได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด ซึ่งการเอาใจใส่และทุ่มเทของเรา ที่ทำให้ลูกค้าเลือกขยายขอบเขตการใช้บริการกับบริษัทของเรามากขึ้น” คุณนันท์มนัส กล่าว

นอกเหนือจากจุดแข็งด้านการให้บริการที่แตกต่างเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าแล้ว Sino Logistics Corporation ยังเข้าร่วมเครือข่ายพันธมิตรการขนส่งสินค้าระดับโลกถึงสามเครือข่ายด้วยเป้าหมายแตกต่างกันออกไป อาทิ การเข้าร่วมเครือข่าย WCA มุ่งเน้นด้านการขนส่งสินค้าทั่วไป และ PPL มุ่งเน้นตลาดการขนส่งสินค้าในเอเชีย ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ ขณะที่ร่วมกับ X2 เพื่อขยายธุรกิจด้านการจัดการขนส่งสินค้าโครงการ ซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถให้บริการไปยังเส้นทางการค้าอื่นๆ ได้ครอบคลุมมากขึ้น และยังมีบริการที่หลากหลายสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการให้บริการ Logistics ในประเทศไทย สำหรับเส้นทางการค้า Transpacific นั้น ยังคงให้บริการโดยทีมผู้บริหารและพนักงานเช่นเดิม เพียงแต่จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารไปอยู่ภายใต้ Sino Logistics Corporation ดังนั้น ลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลว่าการให้บริการจะได้รับผลกระทบจากการรีแบรนด์ในครั้งนี้

Experience & Expertise

นอกเหนือจากการให้บริการโลจิสติกส์และการจัดการขนส่งสินค้าทั้งทางทะเลและทางอากาศแล้ว หลังการรีแบรนด์ใหม่ Sino Logistics Corporation ยังเตรียมเปิดตัวคลังสินค้าใหม่จำนวนสองแห่ง เพื่อให้บริการด้านการจัดเก็บและการจัดการสินค้าแก่ลูกค้า รวมไปถึงบริการขนส่งสินค้าทางบกในพื้นที่ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ผ่านการปฏิบัติการกองรถหัวลากทั้งของลุ่มบริษัทฯเอง และของบริษัทพันธมิตร เพื่อขยายขอบข่ายการให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

โดยคุณนันท์มนัส ได้อธิบายให้เราฟังว่า “จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการให้บริการในอุตสาหกรรมฯ กว่าหนึ่งทศวรรษ ทำให้เราเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจบริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นบริการที่เราเคยมีประสบการณ์และได้ให้การบริการแก่ลูกค้าและได้รับคำชื่นชมจากลูกค้าในงานบริการของเรามาโดยตลอด ซึ่งทำให้เราตัดสินใจต่อยอดการให้บริการเพื่อให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี มีประสิทธิภาพ และครบวงจรมากยิ่งขึ้น”

นอกเหนือจากความรู้ความเชี่ยวชาญในการจัดการขนส่งสินค้าอันลึกซึ้ง พร้อมทีมงานให้บริการที่มีประสบการณ์สูงแล้ว บริษัทฯ ยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้ามาตลอดระยะเวลาการให้บริการกว่า 11 ปี ด้วยระบบเทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งช่วยให้การดำเนินการในแต่ละขั้นตอนมีความรวดเร็ว โปร่งใส และได้มาตรฐาน โดยบริษัทเลือกใช้ซอฟท์แวร์ ที่มีประสิทธิภาพในการติดตามสถานะตู้สินค้าที่ขนส่งออกจากประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงซอฟท์แวร์อื่นๆ ที่ใช้ในการจองพื้นที่ระวาง การออก B/L และการจัดการเอกสารต่างๆ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการได้เป็นอย่างดี

“เราให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่จะช่วยให้บริการแก่ลูกค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานสูง เพื่อเพิ่มความมั่นใจแก่ลูกค้าทุกท่านที่ใช้บริการบริษัทของเรา นอกเหนือจากซอฟท์แวร์ต่างๆ ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว Sino Logistics Corporation ยังมีการพัฒนาซอฟท์แวร์อื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อยกระดับการติดตามสถานะตู้สินค้าให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางไปถึงปลายทาง รวมถึงซอฟท์แวร์ด้านการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลอง และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์เร็วๆ นี้ และพร้อมใช้งานได้ทันทีที่เราเปิดให้บริการคลังสินค้าในอีกหกเดือนข้างหน้า” คุณนันท์มนัส กล่าวเสริม

Continuous Growth

นอกเหนือจากการขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และการเตรียมเปิดตัวคลังสินค้าแห่งใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว Sino Logistics Corporation ยังเตรียมการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ในกรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้น รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการด้วย

คุณนันท์มนัส อธิบายให้เราฟังว่า “เราได้เตรียมการก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่เป็นของบริษัทเองในช่วงปลายปีนี้ และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้วางแผนขยายเครือข่ายบริการภายใต้แบรนด์ Sino Logistics Corporation ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนิเชีย กัมพูชา เป็นต้น ซึ่งคาดว่า เมื่อบริษัทฯ ขยายฐานธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างครอบคลุมแล้ว เราจะมีปริมาณตู้สินค้าที่มากขึ้นและเพิ่มความสามารถในการเจรจากับสายการเดินเรือได้มากขึ้น เช่นเดียวกับปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศ และบริการโลจิสติกส์ภาคพื้นอื่นๆ ที่จะขยายตัวมากขึ้นด้วย”

อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯจะมีการขยายธุรกิจและบริการ รวมทั้งการรีแบรนด์ใหม่ เป็น Sino Logistics Corporation แต่คุณนันท์มนัสได้ยืนยันว่าทีมผู้บริหารของบริษัทฯ ยังคงเป็นทีมเดิม และไม่เพียงเท่านั้น บริษัทฯ ยังได้มีการเสริมทัพพนักงานของบริษัทฯ ทั้งที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ และสำนักงานแหลมฉบังกว่า 100 คน เพื่อให้บริการภายใต้มาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถวางใจในการใช้บริการประกอบกับวิสัยทัศน์และความสามารถในการบริหารธุรกิจอันแข็งแกร่งของผู้บริหารทุกท่าน ซึ่งนำพาให้ Sino Logistics Corporation ก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่แห่งความสำเร็จและการเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้CMA CGM ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทำภาพยนตร์ James Bond 007 ‘No Time To Die’
บทความถัดไปONE เปิดตัวบริการตรงรายสัปดาห์ เชื่อมเกาหลีใต้-จีนตอนกลางและใต้-ช่องแคบมะละกา
tech and history geek, who enjoys hunting and photographing dark skies and milky way