จากบริษัทผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าขนาดเล็กที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1988 สู่ผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจรชั้นแนวหน้าของไทย ในปีนี้ Profreight ก้าวสู่ปีที่ 35 แห่งความสำเร็จ พร้อมต่อยอดการเติบโตจากรุ่นสู่รุ่น เร่งเดินหน้าส่งมอบบริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมอย่างไม่หยุดยั้ง
นิตยสาร LM ฉบับนี้ได้รับเกียรติจากคุณสุวิทย์ รัตนจินดา กรรมการผู้จัดการ, คุณรัศมี อัศวสังสิทธิ กรรมการ, คุณชานน อัศวสังสิทธิ, คุณวรชิต รัตนจินดา, คุณวิชิตา รัตนจินดา และคุณณิชา รัตนจินดา Management Executive บริษัท Profreight มาร่วมพูดคุยและบอกเล่าถึงเส้นทางแห่งความสำเร็จของบริษัทฯ นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 35 รวมถึงแนวทางบริหารธุรกิจปัจจุบันภายใต้การนำของผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง เพื่อนำพาบริษัท Profreight ให้เติบโตยิ่งขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
Journey to Success
บริษัท Profreight เริ่มต้นธุรกิจในฐานะบริษัทผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้า (freight forwarder) โดยในระยะแรกบริษัทเน้นให้บริการขนส่งสินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และของใช้ทั่วไป โดยมีรูปแบบการขนส่งในรูปแบบการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LCL) เป็นหลัก
คุณรัศมี กล่าวว่า “ในระยะแรก บริษัท Profreight ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทั่วไป ก่อนที่จะขยายขอบข่ายการให้บริการเพิ่มเติมผ่านตัวแทนและหุ้นส่วนธุรกิจทั่วโลก ด้วยการบริการสินค้ารวมตู้ (LCL consolidation) เพื่อการส่งออกและนำเข้าระหว่างประเทศไทยกับทั่วโลก รวมถึงการให้บริการพิธีการศุลกากร พร้อมขยายเครือข่ายของลูกค้าให้ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น ก่อนที่หลายปีต่อมาเราได้ริเริ่มบริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนทางรถไฟ ระหว่างไทยและมาเลเซีย รวมถึงการขนส่งข้ามพรมแดนด้วยรถบรรทุก ควบคู่ไปกับการให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เดินหน้าพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งบริการผ่านพิธีการศุลกากร การเป็นตัวแทนออกของ การจัดการขนส่งสินค้าโครงการและสินค้าขนาดใหญ่ ธุรกิจคลังสินค้าและเขตปลอดอากร (freezone) รวมไปถึงการเป็นตัวแทนสายการบิน จนถือเป็นบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรอย่างแท้จริง”
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเปิดให้บริการแต่ละรูปแบบเพิ่มเติมในแต่ละห้วงเวลา จำเป็นต้องอาศัยมุมมองและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้บริหาร รวมไปถึงความรู้เชิงลึกในอุตสาหกรรมฯ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ โดยคุณสุวิทย์ อธิบายว่า “แม้ว่าเราจะให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นมืออาชีพในด้านการให้บริการ แต่การจะผลักดันให้บริษัทประสบความสำเร็จนั้นความเป็นมืออาชีพอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ เราต้องมีการวางแผน การมองอนาคตของธุรกิจ และการตัดสินใจที่เฉียบคม แม้ Profreight จะเริ่มต้นจากธุรกิจเล็กๆ ในฐานะผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระดับท้องถิ่น ที่มีเงินทุนจำกัด แต่เราก็มีเป้าหมายและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจให้สามารถเติบโตและขยายตัวได้ พร้อมกับให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงไม่หยุดที่จะศึกษาแนวทางและวิธีการให้บริการจากผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ในประเทศที่เป็นผู้นำด้านธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทและรูปแบบของประเทศไทย และเลือกองค์ประกอบที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ผ่านการเพิ่มบริการที่หลากหลายและตรงต่อความต้องการของตลาด และที่สำคัญคือต้องเป็นธุรกิจที่จะสามารถเกื้อหนุนให้ธุรกิจที่มีอยู่เดิมของเราสามารถเติบโตไปด้วยกันได้”
Profreight – Your Logistics Partner
ปัจจุบัน บริษัท Profreight ให้บริการจัดการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์แบบครบวงวรให้แก่ลูกค้าหลายขนาดธุรกิจ ในหลายอุตสาหกรรมฯ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยบริการที่เข้าใจและเข้าถึง พร้อมทีมงานบริหาร ฝ่ายขาย ฝ่ายปฏิบัติการ และฝ่ายสนับสนุนที่มีทั้งความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน
คุณณิชา กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายในการเป็นบริษัทระดับประเทศที่สามารถให้การสนับสนุนลูกค้าในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ บริษัทสตาร์ทอัพ หรือบริษัท B2C ที่ต้องการผันตัวมาเป็นบริษัท B2B เราก็พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรและร่วมทำงานกับทุกองค์กร เพื่อสนับสนุนธุรกิจของผู้ประกอบการทั้งในไทยและต่างประเทศ”
“เนื่องจากธุรกิจของลูกค้ามีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมและติดตามเทรนด์ใหม่ๆ ของตลาดอยู่เสมอ เนื่องจากลูกค้าอาจมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน หากเรามีบริการใดๆ ที่สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าหรือเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการปฏิบัติการ ซึ่งเราเล็งเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับลูกค้า เราก็พร้อมที่จะนำเสนอให้กับลูกค้า เพื่อนำไปพิจารณาพัฒนาธุรกิจหรือสนับสนุนให้เขาทำงานได้ง่ายหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น” คุณชานน กล่าวเสริม
Go Beyond Borders
ด้วยการยึดมั่นในการให้บริการระดับมืออาชีพและมุ่งมั่นนำเสนอบริการที่ครอบคลุมแก่ลูกค้า พร้อมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าแบบครบวงจร บริษัท Profreight ได้นำเอาหลักการเดียวกันนี้มาปรับใช้กับทุกหน่วยธุรกิจของบริษัท
คุณชานน กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการคลังสินค้าแบบครบวงจร ที่มีบริการครอบคลุมตั้งแต่การจัดเก็บ การจัดการคลังสินค้าทั้งระบบ ไปจนถึงการกระจายสินค้า ในจำนวนนี้เรามีลูกค้าหลายรายที่เป็นบริษัทระดับโลกและมีฐานปฎิบัติการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราจึงต้องมีการพัฒนาและพร้อมสนุนนให้ลูกค้าสามารถปฏิบัติงานในประเทศไทยได้โดยมีรูปแบบที่ได้มาตรฐานและสามารถดำเนินงานเชื่อมต่อกับฐานปฏิบัติการในประเทศอื่นๆ หรือเชื่อมต่อกับลูกค้าของเขาได้ เราจึงมุ่งเน้นไปที่การบูรณาการหรือการจัดวางระบบที่สามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างได้ คลังของเราจึงไม่ใช่เพียงสถานที่สำหรับการจัดเก็บสินค้าอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังนำเสนอบริการอื่นๆ ที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งรวมถึงบริการกระจายสินค้าหรือจัดส่งในรูปแบบต่างๆ อาทิ การขนส่งทางรถไฟ การขนส่งข้ามพรมแดนด้วยรถบรรทุก การขนส่งทางอากาศหรือทางทะเล รวมไปถึงการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (multimodal) ซึ่งบริการเหล่านี้สามารถช่วยสนับสนุนธุรกิจของลูกค้า หรือช่วยให้พวกเขาสามารถนำบริการไปเสนอกับลูกค้าขอเขาอีกทีได้อย่างครบวงจร”
จากความสำเร็จของ Profreight ในฐานะผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ภายใต้การบริหารงานของผู้บริหารรุ่นบุกเบิก จนมาสู่ผู้บริหารรุ่นใหม่ บริษัทไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยคุณวรชิต กล่าวว่า “แม้ว่าความสำเร็จของ Profreight จะเริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลเป็นหลัก ก่อนที่จะขยายโหมดการขนส่งและเพิ่มบริการที่หลากหลายมากขึ้น แต่เราไม่เคยหยุดพัฒนาและมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อต่อยอดการเติบโตของบริษัทฯ และนำเสนอโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าของเรา ในอดีตเราเคยนำเสนอรูปแบบการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดน ผ่านการขนส่งทางรางและรถบรรทุก เชื่อมต่อระหว่างไทย-มาเลเซีย จนประสบความสำเร็จ ปัจจุบัน เราเห็นโอกาสที่จะนำเสนอบริการขนส่งสินค้าทางราง เพื่อเชื่อมต่อจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปยังประเทศจีน และยังสามารถที่จะขนส่งสินค้าต่อไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียกลางและทวีปยุโรป ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ให้กับผู้ประกอบการในไทย ที่ต้องการค้าขายกับคู่ค้าในต่างประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ การขนส่งทางรถรางยังเป็นรูปแบบการขนส่งที่มีอัตราการปล่อยคาร์บอนน้อย จึงถือเป็นทางเลือกการขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Logistics ด้วย”
Fly High
ด้วยเป้าหมายในการเป็นบริษัทผู้รับจัดการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ครบวงจรที่แท้จริง ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา บริษัท Profreight จึงไม่เคยหยุดพัฒนาธุรกิจและนำเสนอโซลูชันใหม่ๆ ให้กับลูกค้า การเปิดบริษัทในเครือ อย่าง Sky Pacific Air Services (Sky Pacific) เพื่อให้บริการด้านการเป็นตัวแทนสายการบิน (GSA) จึงถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญสำหรับบริษัทฯ ที่จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทผู้ให้บริการที่มีหน่วยธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้าครบทุกโหมดการขนส่งอย่างแท้จริง
คุณวิชิตา กล่าวว่า “ในส่วนของธุรกิจการขนส่งของอากาศ เราไม่ได้ให้บริการเฉพาะการขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่เรายังให้บริการครอบคลุมด้านการบริการผู้โดยสารด้วย บริษัท Sky Pacific ในฐานะตัวแทนของสายการบิน เรามีแนวทางการพัฒนาและเป้าหมายในการให้บริการ นั่นคือ ‘Serve Local, Act Global’ ในส่วนแรก Serve Local หมายถึงการที่เราจะมองหาแนวทางในการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าหรือบริษัททัวร์ในไทยและประเทศต่างๆ ที่เรามีสำนักงานอยู่ เพื่อยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ผ่านการใช้ความรู้เชิงลึกในระดับท้องถิ่น พร้อมสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับทางสายการบิน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของสายการบินที่เราเป็นตัวแทนในประเทศไทย ขณะที่ Act Global หมายถึงการที่เราจะขยายเครือข่ายทั้งสายการบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ให้เรามีเครือข่ายด้านการขายที่มากขึ้น และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน โดยล่าสุด เราได้มีการขยายเครือข่ายไปยังแคนาดา สหรัฐอเมริกา รวมไปถึงประเทศอื่นๆ เช่น ภูฏาน และในอาเซียน อาทิ เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย และเวียดนาม อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่จะขยายเครือข่ายเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในอนาคต”
Digitalization & Innovation
นอกเหนือจากการพัฒนารูปแบบบริการและนำร่องแนวทางการขนส่งสินค้าเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และเป็นต้นแบบให้กับการให้บริการโลจิสติกส์ในแต่ละห้วงเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้ว บริษัท Profreight ยังคงมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนธุรกิจโลจิสติกส์ไทยอยู่เสมอ ทั้งทางตรงและทางอ้อม “ที่ผ่านมาเราได้นำเสนอโครงสร้างพื้นฐานทางบริการใหม่ๆ ซึ่งถือเป็น chapter ใหม่ของธุรกิจการขนส่งสินค้าในช่วงเวลานั้นๆ เช่น การพัฒนาธุรกิจการขนส่งข้ามพรมแดนทางราง หรือการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ ผ่านรถไฟ-รถบรรทุก เมื่อวันเวลาผ่านไป เราก็จำเป็นจะต้องพัฒนานวัตกรรมการให้บริการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมหรือทดแทน หากเราเห็นว่าแนวทางการพัฒนาบริการหรือนวัตกรรมใดๆ มีศักยภาพที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจหรืออุตสาหกรรมโลจิสติกส์โดยรวม เราก็ไม่รีรอที่จะร่วมพัฒนาเพื่อทำให้ไอเดียนั้นๆ สามารถเกิดขึ้นได้จริง” คุณรัศมี กล่าว
คุณสุวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ที่ผ่านมา เราได้มีส่วนร่วมในการนำระบบ eDO เข้ามาปรับใช้ พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มการใช้งาน ก่อนที่จะนำเสนอให้กับพันธมิตรและเครือข่ายในอุตสาหกรรมฯ ได้ใช้งาน เมื่อเกิดวิกฤตโรคระบาดขึ้น แต่ละบริษัทต่างไม่ต้องการให้พนักงานเดินทางไปรับเอกสาร ดังนั้น การใช้งานระบบ eDO จึงมีส่วนช่วยลดภาระการไปรับเอกสาร อีกทั้งยังเพิ่มความถูกต้องแม่นยำ ความรวดเร็ว และลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดได้อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของโครงการริเริ่มด้านเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จของเรา และยังเป็นส่วนสำคัญในการปรับใช้รูปแบบการทำงานแบบสมาร์ทโลจิสติกส์ ผ่านเทคโนโลยีอัจริยะต่างๆ”
แม้ว่าปัจจุบันการให้บริการแก่ลูกค้าแบบตัวต่อตัวและการสื่อสารฝ่ายตัวแทนฝ่ายขายผู้มีประสบการณ์ของบริษัทฯ จะยังเป็นแนวทางการให้บริการที่สำคัญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ แต่ Profreight ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนการให้บริการลูกค้าด้วย เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน Profreight
คุณณิชา กล่าวว่า “เรามีการจัดทำแอปพลิเคชัน Profreight เพื่อรับรองลูกค้าให้ครอบคลุมทั้งกลุ่มออฟไลน์และออนไลน์ ให้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ของเรานอกเหนือจากการติดต่อทางอีเมลและโทรศัพท์ เพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบริการ ตรวจสอบราคาและขอใบเสนอราคาผ่านทางออนไลน์ได้ ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารกับลูกค้า เพื่อให้พวกเขาได้รับบริการและการตอบกลับที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเราเชื่อว่าการพัฒนาแอปพลิเคชันนี้จะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย รู้สึกประทับใจ และเกิดความเชื่อมั่นในการใช้บริการของเรามากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังช่วยให้เราสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ต่อไปในอนาคต”
ด้วยความมุ่งมั่นและการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Profreight ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามตลอด 35 ปีที่ผ่านมา เราจึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าคุณสมบัติเดียวกันนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ Profreight ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในระดับประเทศและระดับสากล
Thank you for being our logistics partners.
เราขอขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในศักยภาพและคุณภาพการให้บริการของ Profreight มาตลอด 35 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ทุกฝ่ายต่างประสบกับความท้าทายจากสถานการณ์โรคระบาด ทำให้ลูกค้ามีปัญหาทั้งเรื่องการขนส่ง ความล่าช้า หรือแม้กระทั่งไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ในปลายทางบางแห่ง อันเป็นผลจากการล็อกดาวน์ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นช่วงที่ยากลำบากของหลายๆ บริษัท แต่ลูกค้าก็ยังให้ความไว้วางใจให้เราเป็นผู้นำเสนอวิธีการและแนวทางในการแก้ปัญหา อีกทั้งยังคงใช้บริการของเรามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเราถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจและใช้บริการของ Profreight มาโดยตลอด
ขณะเดียวกัน แม้ธุรกิจโลจิสติกส์จะเป็นธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องมากมาย แต่ Profreight ไม่ได้มองว่าบริษัทอื่นๆ เป็นคู่แข่ง แต่เรามองว่าทุกบริษัทเป็นคู่ค้า และทาง Profreight ยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นพันธมิตร เป็นคู่ค้า ทั้งกับลูกค้า หน่วยงาน สมาคม และเครือข่ายต่างๆ เราขอแสดงความขอบคุณต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมา ณ ที่นี้ ที่ได้ร่วมมือ ร่วมงาน และประสานงานกันจนเกิดเป็นผลสำเร็จตลอดมา
นอกจากนี้ เรายังขอแสดงความขอบคุณต่อพนักงานบริษัท Profreight ที่ได้มีโอกาสร่วมงานกัน เราขอยืนยันที่จะให้ความสำคัญกับพนักงานและบุคลากรทุกคน เช่นเดียวกับที่เราให้ความสำคัญกับลูกค้า เราจึงขอขอบคุณพนักงานทุกคนในความจริงใจและความทุ่มเทที่มีให้กับบริษัทมาโดยตลอด และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมทำงานกับทุกท่านต่อไปอีก
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่