ในฐานะผู้ให้บริการขนส่งสินค้าแบบ NVOCC ชั้นนำระดับโลก ECU Worldwide มีความเชี่ยวชาญทั้งการขนส่งสินค้าแบบเต็มตู้ (FCL) และไม่เต็มตู้ (LCL) โดยนับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1987 บริษัทฯ ได้มีการขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการให้บริการขนส่งตรง (Direct LCL Services) มากกว่า 2,400 เส้นทาง ผ่านสาขาของบริษัทฯ กว่า 530 แห่ง ในกว่า 180 ประเทศ พร้อมทีมงานมากกว่า 3,500 คน ทั่วโลก ปัจจุบัน บริษัท ECU Worldwide ก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบครบวงจรที่ประสบความสำเร็จและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Mr. Shashi Kiran Shetty ประธานบริษัท ECU Worldwide ซึ่งให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งมอบโซลูชันขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ทั่วโลก ผ่านการให้บริการที่เป็นเลิศจากทั้งทีมงานที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ภายใต้ค่านิยมองค์กร ซึ่งประกอบไปด้วยความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ ECU Worldwide ได้พัฒนาแพล็ตฟอร์มดิจิทัล ECU 360 ขึ้นเพื่อยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการขนส่งทั่วโลก และสนับสนุนเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่เหนียวแน่น จากการดำเนินงานร่วมกันเป็นเวลาหลายปี ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งการให้บริการที่มีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมงานที่มีความเป็นกันเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆ บริษัทมักมองข้ามในยุคดิจิทัล โดยความใส่ใจอย่างรอบด้านนี้ สะท้อนถึงปรัชญาของ ECU Worldwide ที่มุ่งเน้นคุณภาพและความเป็นเลิศในทุกการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านการกำกับดูแลกิจการ ความยั่งยืน หรือการมีส่วนร่วมกับทั้งลูกค้า คู่ค้า รวมถึงพนักงาน เพื่อผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการขนส่งรูปแบบ LCL ชั้นนำระดับโลก
LM ได้มีโอกาสพูดคุยกับ Mr. Dmitriy Ioffe ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการขายระดับ Global ของ ECU Worldwide และคุณวิรัช นอบน้อมธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ECU Worldwide (Thailand) เกี่ยวกับที่มาที่ไปและการดำเนินการของบริษัทฯ พร้อมเผยถึงศักยภาพของธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของไทย ซึ่งบริษัทฯ มองว่าเป็นฐานธุรกิจที่มีความมั่นคงสูง ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
Gain from Experience
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ECU Worldwide คือความรู้เชิงลึกและประสบการณ์ของทีมงาน ซึ่งหนึ่งในบุคคลสำคัญเหล่านี้ก็คือ Mr. Dmitriy Ioffe ผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มากกว่า 27 ปี โดย Mr. Ioffeเริ่มต้นทำงานที่บริษัท NVOCC ชั้นนำในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาเก้าปี โดยประจำการที่รัฐ Chicago และ New York หลังจากนั้น ได้ย้ายไปทำงานที่บริษัทอีกแห่ง และดำรงตำแหน่งในบริษัทดังกล่าวเป็นเวลาอีกเก้าปี โดยสี่ปีหลังได้ประจำอยู่ที่สิงคโปร์ในตำแหน่งผู้จัดการบัญชีเชิงกลยุทธ์และรองประธานอาวุโส ทั้งนี้ ปัจจุบัน Mr. Ioffe ได้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการขายระดับโลก ของ ECU Worldwide เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว โดยประจำการที่สำนักงานในเมือง Charlotte รัฐ North Carolina สหรัฐอเมริกา ด้วยงานที่รับผิดชอบในปัจจุบันทำให้ Mr. Ioffe มีโอกาสเดินทางไปยังสำนักงานของ ECU Worldwide ทั่วโลกอยู่สม่ำเสมอ เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานทุกสำนักงานของ ECU Worldwide มีความราบรื่นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
“ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการขายระดับโลก ผมได้มีโอกาสไปเยือนสำนักงานและพันธมิตรในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ได้พบปะผู้คนและวัฒนธรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานเพื่อผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่ง NVOCC ชั้นนำ ที่มีบริการหลักคือการขนส่งสินค้าแบบ LCL รวมไปถึงบริการขนส่งสินค้าแบบ FCL เนื่องจากทุกวันนี้เราก็ได้มีการลงทุนพัฒนาบริการขนส่งแบบ FCL อย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน เราก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการขนส่งแบบ FCL NVOCC ที่มีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ (TEU) ที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 18 ของโลก” Mr. Ioffe กล่าว
นอกจากนี้ อีกหนึ่งบุคลากรคนสำคัญของ ECU Worldwide คือ คุณวิรัช นอบน้อมธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประจำ ECU Worldwide ประเทศไทย ได้กล่าวว่า
“ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมงานกับ ECU Worldwide มาเป็นเวลากว่า 30 ปี นับตั้งแต่ปี 1992 โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ผมได้เห็นบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดและก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการชั้นนำดังเช่นทุกวันนี้ และในส่วนของการดำเนินงานของ ECU Worldwide ประเทศไทยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ก็มีการเติบโตและมีความสำเร็จทางธุรกิจไปในทิศทางเดียวกันกับภาพรวมของ ECU Worldwide ได้เป็นอย่างดี สำหรับแนวโน้มของธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศของไทยยังมีแนวโน้มตลาดที่ดี จากความสามารถในการคงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจแม้ว่าประเทศโดยรอบและเศรษฐกิจโลกกำลังประสบกับช่วงเวลาแห่งความผันผวน บริษัทฯ จึงเล็งเห็งถึงโอกาสในการขยายฐานธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีคาดการณ์การเติบโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน” คุณวิรัชกล่าว
Synergies To Simplify Geography
ECU Worldwide ใช้ประโยชน์จากความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานของบริษัทฯ ทั่วโลก เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า โดยผสานความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับตลาดท้องถิ่น ผนวกกับประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศเพื่อมอบโซลูชันการบริการที่เหนือชั้น ภายใต้แนวคิด ‘One world, One office’ ของบริษัทฯ ลูกค้าในแต่ละประเทศจะได้รับประโยชน์จากการมีอิสระในการตัดสินใจของกรรมการผู้จัดการใหญ่ของแต่ละประเทศ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมหลีกเลี่ยงปัญหาจากการบริหารจัดการแบบรวมอำนาจศูนย์กลาง (centralised management) หรือการบริหารงานตามลำดับชั้น (top-down management)
Mr. Ioffe เผยว่า “ลูกค้าส่วนใหญ่ของเราเป็นผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้า โดย 40 เปอร์เซ็นต์เป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่จากทั่วทุกมุมโลก ในขณะที่ 60 เปอร์เซ็นต์เป็นธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง อย่างไรก็ตาม เราปฏิบัติต่อลูกค้าของเราทุกๆ รายอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมทั้งพยายามสร้างความร่วมมือทางธุรกิจอยู่เสมอหากเป็นไปได้”
ECU Worldwide เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ร่วมกับพันธมิตรในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องรับมือกับภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่าง ด้วยเหตุนี้ สำนักงานใหญ่จึงมอบอิสระและอำนาจการตัดสินใจให้แก่ผู้บริหารในแต่ละประเทศในการดำเนินงานเพื่อให้สำนักงานในแต่ละประเทศส่งมอบบริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของทุกสำนักงานในแต่ละประเทศทั่วโลกยังคงต้องรักษามาตรฐานการให้บริการตามที่บริษัทฯ กำหนดไว้ เนื่องจากบริษัทฯ ยังมุ่งรักษามาตรฐานและจุดยืนองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการกำกับดูแล แนวทางปฏิบัติทางธุรกิจ และการจัดการด้านการขาย
“โครงสร้างองค์กรของเราประกอบไปด้วยกลุ่มประเทศ 16 กลุ่ม โดยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระดับท้องถิ่นประจำแต่ละประเทศจะมีหน้าที่รายงานต่อผู้บริหารประจำกลุ่มโดยตรง ซึ่งรูปแบบธุรกิจนี้ช่วยให้เราสามารถมอบบริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพแก่ลูกค้า และในขณะเดียวกันก็ยังรักษามาตรฐานระดับสูงสุดสำหรับการดำเนินการทั่วโลก ในด้านของบริการสำหรับลูกค้า ผู้รับจัดการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มักไว้วางใจให้เราดำเนินการขนส่งสินค้าที่พวกเขาไม่สามารถดำเนินการได้ ในขณะที่ บริษัทรับจัดการขนส่งสินค้าขนาดเล็กและขนาดกลางมักจะมองหาความสัมพันธ์ทางธุรกิจระยะยาวหลายปีหรือหลายสิบปี”
นอกจากนี้ การมีโมเดลบริหารจัดการตามกลุ่มลูกค้า ของ ECU Worldwide ยังช่วยให้บริษัทฯ สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ได้โดยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ด้วยเหตุนี้ หากลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทฯ ถูกเข้าซื้อกิจการหรือปิดกิจการ ECU Worldwide ก็ยังคงสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยไม่สะดุดและไม่ส่งกระทบต่อการให้บริการแก่ลูกค้ารายอื่นๆ
“ความหลากหลายของลูกค้าของเราทำให้เราสามารถคงไว้ซึ่งความยืดหยุ่นของการดำเนินงานแม้กระทั่งในสถานการณ์ที่ผันผวน ดังนั้น ในกรณีที่เราสูญเสียลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งไปเนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด บริการอื่นๆ ของเราจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ผมเชื่อว่าการดำเนินการลักษณะนี้สามารถมอบประโยชน์แก่กลุ่มลูกค้าของเราในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เนื่องจากบริการของเราถือเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้สำหรับพวกเขา” คุณวิรัชกล่าว
Stay Ahead of the Market
เนื่องจาก ECU Worldwide ให้บริการขนส่งสินค้าแบบ LCL เป็นหลัก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกน้อยกว่าบริการขนส่งแบบ FCL บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการขนส่งสินค้าทั่วไป แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วประเทศไทยจะมีอุตสาหกรรมหลักในภาคการเกษตรและการผลิตสิ่งทอ อย่างไรก็ตาม Mr. Ioffe และคุณวิรัช ได้เผยว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็กำลังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาความสะดวกและความน่าเชื่อถือของขั้นตอนการจองพื้นที่ระวางสำหรับสินค้า พร้อมรับประกันความปลอดภัยตลอดขั้นตอนการขนส่ง ECU Worldwide ได้ลงทุนเป็นจำนวนหลายล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเปลี่ยนผ่านการดำเนินการสู่กระบวนการปฏิบัติงานแบบดิจิทัล พร้อมการันตีความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก
“ปัจจุบัน ประมาณ 62 เปอร์เซ็นต์ของการจองพื้นที่ระวางสำหรับสินค้าของเรา ได้รับการดำเนินการผ่านแพล็ตฟอร์ม ECU 360 ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบตารางเดินเรือ จองบริการขนส่งทางรถบรรทุก ตรวจสอบราคา และติดตาม/ตรวจสอบสถานะชิปเมนท์ ซึ่งแตกต่างกับช่วงก่อนการระบาดใหญ่ ซึ่งมีอัตราผู้ใช้งานแพล็ตฟอร์มสำหรับการจองเพียง 12 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้น การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซและแรงผลักดันโดยรวมสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น เราจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการลงทุนในด้านนี้” Mr. Ioffe กล่าวว่า.
จากการศึกษาการให้บริการขนส่งสินค้าแบบ LCL จากต้นทางถึงปลายทางในแต่ละครั้งของ ECU Worldwide พบว่ามีทีมงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการมากถึง 48 คน คุณวิรัชกล่าวว่า “เราต้องการให้ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจว่าสินค้าทุกชิ้นของพวกเขาจะได้รับการดำเนินการที่โปร่งใส ไม่ว่าจะมีคนจัดการสินค้าระหว่างทางมากน้อยเพียงใดก็ตาม แต่ด้วยการทำงานผ่านแพลตฟอร์ม ECU 360 ซึ่งมีการเก็บข้อมูลในทุกขั้นตอนของการให้บริการจะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่าสินค้าของพวกเขาจะไม่ถูกละสายตาและได้รับบริการที่ดีที่สุดเสมอ นอกจากนี้ หากลูกค้าท่านใดต้องการติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง ก็ยังสามารถโทรศัพท์เข้ามาที่หน่วยงานได้เช่นเดิม”
Think Global, Act Local
สำหรับแผนการขยายปริมาณและส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทย คุณวิรัชเปิดเผยว่า บริษัทฯ มีการดำเนินการกลยุทธ์ ‘Triple D’ ซึ่งประกอบไปด้วยกระบวนการปฏิบัติงานด้วยระบบดิจิทัล (Digitalization) การสร้างความแตกต่างในการให้บริการ (Differentiation) และการส่งมอบบริการที่เปี่ยมประสิทธิภาพ (Delivery)
โดยแพล็ตฟอร์ม ECU 360 นับเป็นองค์ประกอบสำคัญในกลยุทธ์เปลี่ยนผ่านสู่การปฏิบัติงานแบบดิจิทัล ซึ่งมอบประสบการณ์การจัดการชิปเมนท์ที่คล่องตัว มีประสิทธิภาพ และอุ่นใจมากยิ่งขึ้น ผ่านฟีเจอร์อัพเดตสถานะแบบเรียลไทม์ (real time) นับตั้งแต่ขั้นตอนการจองไปจนถึงการจัดส่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตระหนักถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านด้านการดำเนินการดังกล่าว จึงจัดทำแหล่งข้อมูลการฝึกอบรม ผ่านบทแนะนำสอนการใช้งานที่เรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ อีกทั้งยังมีแผนงานในการแปลเนื้อหาเหล่านี้เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างยิ่งขึ้น
ในด้านการสร้างความแตกต่างในการให้บริการนั้น ECU Worldwide โดดเด่นด้วยโซลูชันการขนส่งสินค้า LCL ครบวงจร ที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ ไม่จะเป็นรูปแบบ Port-to-Port หรือ Door-to-Door ภายใต้การสนับสนุนโดยเครือข่ายทั่วโลกที่ครอบคลุมกว่า 180 ประเทศและการบริการลูกค้าที่แข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงเป็นผู้ให้บริการที่ลูกค้าหลายแห่งไว้วางใจและเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก
ภายใต้ปรัชญา ‘Thinking Global, Acting Local’ หรือ ‘คิดวางแผนอย่างครอบคลุมในระดับโลก แต่ดำเนินการตามสภาพการณ์ในระดับท้องถิ่น‘ ECU Worldwide มุ่งมั่นดำเนินการภายใต้มาตรฐานระดับสากล โดยในขณะเดียวกันคำนึงถึงความต้องการเฉพาะของฐานลูกค้าในแต่ละประเทศ โดยปัจจุบัน ECU Worldwide ประเทศไทยนำเสนอบริการขนส่ง Direct LCL Services กว่า 40 เส้นทาง พร้อมทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งรูปแบบ LCL ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในแง่ของปริมาณการขนส่งสินค้า ทั้งนี้ จุดแข็งของ ECU Worldwide ในประเทศไทย คือบริการที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างครบวงจร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มดิจิทัล ส่งผลให้บริการรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“เรามุ่งมั่นมอบประสบการณ์การใช้บริการที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้มีการบูรณาการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดเข้าสู่กระบวนการงาน โดยเป้าหมายของเราคือการปลดล็อกศักยภาพของตลาดโลจิสติกส์ในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอบริการเส้นทางตรงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และขยายบริการ FCL ของเราเพื่อขยายขอบเขตบริการให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น” คุณวิรัชกล่าว
Looking Strong for the Future
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศไทยค่อนข้างมีความมั่นคงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันอย่างจีนและเวียดนาม ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงเป็นเป็นหนึ่งในประเทศที่สำคัญที่สุดในเครือข่ายของ ECU Worldwide ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าขนาดองค์กรของบริษัทฯ นั้นจะมีการขยายตัวขึ้นอยู่เสมอ แต่บริษัทฯ ก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งความเป็นผู้ประกอบการธุรกิจในหมู่พนักงาน ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะที่ฝังแน่นในการดำเนินการของบริษัทฯ นับตั้งแต่จุดเริ่มต้น
ECU Worldwide เล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพของตลาดประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังมีแผนการขยายเส้นทางการให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลและบริการขนส่งข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลาที่คู่แข่งหลายรายไม่ได้มีการลงทุนในโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แต่บริษัท ECU Worldwide ยังคงมุ่งมั่นดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการและฐานลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่