ตัวเลขการค้าระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศจีนนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการในการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว สายการเดินเรือ CULINES ได้เปิดเส้นทางการบริการใหม่ ขยายขนาดการบริการ พร้อมทั้งก่อตั้งสำนักงานประจำประเทศไทย เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการและกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าผู้นำเข้าและส่งออกให้มีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

Get to Know CULINES

CULINES ก่อตั้งครั้งแรกในปี 2005 ที่ประเทศจีน โดยมีจุดมุ่งหมายในการให้บริการขนส่งตู้สินค้าในเขตพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน ไม่ว่าจะเป็นบริการขนส่งผ่านช่องแคบไต้หวัน บริการขนส่งภายในประเทศจีน บริการขนส่งด้วยเรือลำเลียง (Feeder) บนแม่น้ำแยงซี และบริการขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำ หลังจากนั้น สายการเดินเรือฯ ก็ได้ขยับขยายการให้บริการไปยังท่าเรืออื่นๆ จนครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจีน

ต่อมาในปี 2016 สายการเดินเรือ CULINES ได้พัฒนาและขยายกองเรือ รวมทั้งขยายขอบเขตการดำเนินงานในเส้นทางการให้บริการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และอีกหลายประเทศในเอเชียใต้ ทำให้สามารถให้บริการในเส้นทาง Intra-Asia ได้อย่างครอบคลุม พร้อมทั้งมอบบริการที่มีความน่าเชื่อถือ หลากหลาย และยืดหยุ่น เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของผู้นำเข้าและส่งออกให้ได้สูงสุด

“ก่อนจะก่อตั้งสายการเดินเรือ CULINES บริษัทของเราปฏิบัติการในฐานะตัวแทนสายการเดินเรือมาก่อน จนกระทั่งผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เราตัดสินใจยกระดับตนเองจากตัวแทนสายการเดินเรือไปเป็นสายการเดินเรือที่มีกองเรือและกองตู้สินค้าเป็นของตัวเอง ตามความมุ่งหวังของท่านประธาน ที่ต้องการมีสายการเดินเรือเป็นของตนเอง ซึ่งช่วงเวลาที่เราปฏิบัติการในฐานะตัวแทนสายการเดินเรือ ทำให้เรามีประสบการณ์และเครือข่ายที่แข็งแกร่งกับท่าเรือต่างๆ ในจีน และในตอนนี้เราก็ได้ใช้ความรู้และประสบการณ์เหล่านั้นในการขยายบริการไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในเอเชียด้วย” Mr. Ray Wang ตัวแทนสายการเดินเรือ CULINES กล่าว

Mr. Ray Wang ตัวแทนสายการเดินเรือ CULINES

Focus on Thai Market

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และตลาดการส่งออกจากประเทศไทยก็มีแนวโน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าประเภทผลไม้ ข้อมูลของหอการค้าไทย-จีน ในปี 2020 ที่ผ่านมาระบุว่า การส่งออกผลไม้สด ผลไม้แช่เย็น ผลไม้แช่แข็งและผลไม้แห้งจากไทยไปจีน มีมูลค่าถึง 2,908 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมการเติบโตที่สูงถึง 39.43 เปอร์เซ็นต์ แม้จะเป็นช่วงเวลาเดียวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ตาม

ด้วยตัวเลขการเติบโตดังกล่าว ประกอบกับประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) เพื่อเข้าร่วมข้อตกลงเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก สายการเดินเรือ CULINES จึงปรับยุทธศาสตร์เพื่อรุกตลาดประเทศไทยอย่างเต็มตัว โดยร่วมทุนกับบริษัท Sea Dragon Logistics ซึ่งเป็นตัวแทนของสายการเดินเรือ CULINES ในการเปิดสำนักงาน CULINES ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นับเป็นสำนักงานแห่งที่สามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถัดจากสิงค์โปร์และเวียดนาม

“การเปิดสำนักงานประจำประเทศไทยเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะมอบบริการแก่ผู้นำเข้าและส่งออกจากประเทศไทยอย่างเต็มตัว ซึ่งการมีสำนักงานประจำประเทศไทย จะทำให้การประสานงานและการดำเนินงานมีความใกล้ชิดและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เราสามารถมอบบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าได้”

“โดยตอนนี้เราได้เตรียมความพร้อมในด้านบุคลากรอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า และฝ่ายอื่นๆ ขณะเดียวกันในด้านอุปกรณ์ เราก็มีกองตู้สินค้าแบบต่างๆ ของเราเองพร้อมให้บริการ อาทิ ตู้สินค้าขนาด 20 ฟุต 40 ฟุต รวมถึงตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิ รวมทั้งเรากำลังปรับปรุงสำนักงานแห่งใหม่ให้มีความทันสมัยอีกด้วย” Mr. Ray Wang กล่าว

Maiden Voyage with New Service

เพื่อตอบสนองความต้องการขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง สายการเดินเรือ CULINES ได้เปิดให้บริการขนส่งสินค้าเส้นทางใหม่ เชื่อมต่อประเทศไทยกับภูมิภาคจีนตอนใต้โดยตรงในชื่อ South China – Thailand 1 (SCT1) ซึ่งเข้าเทียบท่าที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ณ ท่าเทียบเรือ ESCO ท่า B3 ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

บริการดังกล่าวจะให้บริการหนึ่งเที่ยวต่อสัปดาห์ โดยมีรอบการวนเรือเริ่มต้นจากท่าเรือกรุงเทพ ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนจะออกเดินทางไปยังท่าเรือ Hong Kong โดยตรง และเดินทางไปยังท่าเรืออื่นๆ ในจีน ได้แก่ Shekou, Nansha และ Guangzhou ตามลำดับ โดยบริการดังกล่าวมีจุดเด่นที่สามารถเชื่อมต่อกับท่าเรือหลักในภูมิภาคจีนตอนใต้โดยตรง ทำให้มีระยะเวลาในการเดินเรือที่รวดเร็ว

คุณปณพัฒน์ ลิมปิศิริสันต์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Sea Dragon Logistics กล่าวว่า “การเข้าเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือ ESCO ท่าเรือแหลมฉบังในครั้งนี้ นับเป็นหมุดหมายที่สำคัญของสายการเดินเรือ CULINES ในการให้บริการในไทย ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับท่าเรือที่เราจะใช้งาน จนในที่สุดเราตัดสินใจเลือก ESCO เนื่องจากความเป็นมืออาชีพและมีปรัชญาการทำงานที่สอดคล้องกับปรัชญาการทำงานของ CULINES ที่ต้องการมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า”

คุณปณพัฒน์ ลิมปิศิริสันต์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Sea Dragon Logistics

ในช่วงแรกของการเปิดให้บริการนี้ CULINES มุ่งเป้าไปที่การสนับสนุนผู้ส่งออกผลไม้สดของไทย โดยได้มีการนำเข้าตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิเปล่า เพื่อเตรียมรองรับฤดูการเก็บเกี่ยวในช่วงหน้าร้อน โดยเฉพาะสำหรับทุเรียนซึ่งจะเริ่มออกสู่ตลาดในเดือนเมษายนของทุกปี “การเปิดบริการใหม่นี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยบรรเทาวิกฤติการขาดแคลนตู้สินค้าแก่ผู้ส่งออกในไทย โดยเราได้นำตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิเปล่าจำนวนมากจากต่างประเทศเข้ามาเตรียมพร้อม เพื่อรองรับฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงสองสามเดือนข้างหน้าอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสำหรับผู้ส่งออกทุเรียน ซึ่งจะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลในเดือนเมษายนนี้” คุณปณพัฒน์ กล่าว

“นอกจากบริการ SCT1 ที่เราเริ่มให้บริการไปแล้ว เรายังวางแผนที่จะเปิดบริการ South China-Thailand 2 (SCT2) ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งบริการ SCT2 จะครอบคลุมทั้งประเทศจีนตอนเหนือและตอนใต้ เมื่อรวมทั้งสองบริการแล้ว เราจะมีรอบการให้บริการขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนถึงสัปดาห์ละสองเที่ยว และทั้งสองบริการจะเข้าเทียบท่าทั้งท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง ทำให้ผู้นำเข้าและส่งออกมีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการการลากตู้สินค้าไปยังท่าเรือมากยิ่งขึ้น” คุณปณพัฒน์ กล่าว

Ready to Fly High

ในช่วงเวลาที่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ต่างพยายามเก็บตัวและสงวนการลงทุนในการเปิดเส้นทางใหม่ๆ แต่ CULINES กลับเล็งเห็นถึงโอกาสทองในการลงทุนเปิดสำนักงานใหม่ พร้อมขยายเส้นทางการให้บริการ ซึ่งการดำเนินงานเช่นนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย หากขาดพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง Sea Dragon Logistics ซึ่งขณะนี้พวกเขาได้เตรียมพร้อมทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเส้นทางการให้บริการ เพื่อรองรับผู้นำเข้าและส่งออกในไทย

“ในปีที่แล้ว สำนักงาน CULINES สาขาเวียดนาม คือ สำนักงานที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเรา แต่ประเทศไทยเองก็มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ากัน การเปิดสำนักงานในประเทศไทยจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยผมมองว่าประเทศไทยและเวียดนามเปรียบเสมือนปีกทั้งสองข้าง ที่จะพาให้ CULINES ของเราทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต ไปพร้อมๆ กับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศ รวมทั้งภูมิภาคอาเซียนด้วย” Mr. Ray Wang กล่าว


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้DHL เฉลิมฉลองหกปีของโครงการช่วยเหลือเด็ก SOS Children’s Villages
บทความถัดไปLEO เล็งขยายรายได้ปี 2021 พร้อมจับมือพันธมิตร หวังเติบโตสองเท่าภายในสองปี
tech and history geek, who enjoys hunting and photographing dark skies and milky way