TNSC แถลงข่าวสถานการณ์ส่งออกเดือนมิถุนายน 2024 พร้อมคาดการณ์การส่งออกไทยปี 2024

0
356

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (TNSC) นำโดย ดร. ชัยชาญ เจริญสุข ประธาน TNSC ร่วมกับคุณสุภาพ สุวรรณพิมลกุล รองประธาน TNSC และคุณคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร TNSC ได้จัดงานแถลงข่าวสถานการณ์ส่งออกของไทยประจำเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

โดยข้อมูลจากสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยระบุว่าสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมิถุนายน ปี 2024 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 24,796.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 0.3 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 892,796 ล้านบาท ขยายตัว 5 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือนมิถุนายนหดตัว 1.6 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 24,578.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 0.3 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 895,256 ล้านบาท ขยายตัว 5.6 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมิถุนายน ปี 2024 เกินดุลเท่ากับ 218 ล้านเหรียญสหรัฐ และขาดดุลในรูปของเงินบาทเท่ากับ 2,489 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม-มิถุนายนปี 2024 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 145,290 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 5,191,014 ล้านบาท ขยายตัว 7.4 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงมกราคม-มิถุนายน ขยายตัว 3.1 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 150,532.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 5,437,480 ล้านบาท ขยายตัว 8.3 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม-มิถุนายน ปี 2024 ขาดดุลเท่ากับ 5,242.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 246,466 ล้านบาท

อนึ่ง สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์การส่งออกไทยปี 2024 ว่าจะมีอัตราเติบโต 1-2 เปอร์เซ็นต์ (ณ เดือนสิงหาคม ปี 2024) โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังในครึ่งปีหลังที่สำคัญ ได้แก่ 1) ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยืดเยื้อและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน ที่จะมีผลต่อการค้าและเศรษฐกิจโลกในภาพรวม โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งผู้สมัครทั้งสองฝ่ายมีนโยบายหาเสียงที่แตกต่างกันและอาจส่งผลต่อมาตรการทางการค้าและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม 2) ปัญหาสหภาพแรงงานสหรัฐอเมริกาทั่วประเทศที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง อาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งด้านการหยุดการผลิตและกระทบต่อการนำเข้าสินค้าในภาคการผลิตกับประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย 3) ต้นทุนค่าระวางเรือและค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม (Surcharge) ยังคงทรงตัวในระดับสูง แต่เริ่มมีสัญญาณการปรับลดลงในหลายเส้นทางจากการที่การส่งออกสินค้าของจีนไปยังสหรัฐอเมริกาเริ่มเติบโตในอัตราเร่งลดลงจากมาตรการกำแพงภาษีที่มีผลเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ทว่า ปัจจัยเฝ้าระวังจากสถานการณ์ในพื้นที่ทะเลแดงยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญและมีอิทธิพลต่อเส้นทางการขนส่งสินค้าเข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางและทวีปยุโรป 4) ปัญหาสินค้าล้นตลาดจากจีนที่ระบายออกสู่ตลาดโลกส่งผลให้สินค้าต้นทุนต่ำเข้ามาทุ่มตลาดในไทยอีกนัยหนึ่ง รวมถึงเข้าไปแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ 5) การเข้าถึงสินเชื่อของภาคการผลิตมีปัญหาต่อเนื่อง ส่งผลให้ขาดสภาพคล่องในการดำเนินการ


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้SITC จัดพิธีตั้งชื่อและรับมอบเรือ SITC XIN
บทความถัดไปWan Hai Lines จัดพิธีตั้งชื่อเรือ WAN HAI 375 และ WAN HAI 377 พร้อมกิจกรรมบริจาคเพื่อการกุศล
Kittipat Sakulborirak
Writer, film maker, coach and some type of your friend