Triple i เดินหน้ายุทธศาสตร์ ‘Logistics and Beyond’ ภายใต้สามแนวคิดหลัก Beyond Boundary, Beyond Existing Expertise และ Beyond Traditional Platform ร่วมกับการขับเคลื่อน ESG สู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำในระดับภูมิภาคที่มุ่งเติบโตอย่างยั่งยืน

บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Triple i ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ผ่านประสบการณ์และได้รับความไว้วางใจมามากกว่า 25 ปี มุ่งมั่นยกระดับองค์กรอย่างต่อเนื่องแบบไร้ขีดจำกัดด้วยการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ‘Logistics and Beyond’ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมตอกย้ำสถานะผู้ให้บริการชั้นนำ ด้วยการก้าวสู่ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาคอย่างเต็มตัว

LM มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ Triple i เกี่ยวกับแนวทางการขยายฐานธุรกิจและกลยุทธ์การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการเพิ่มศักยภาพการให้บริการ การบริหารความเสี่ยง และที่สำคัญคือการพัฒนาและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยการผสานความร่วมมือกับพันธมิตร พร้อมการใช้แผนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ

Breaking Barriers

Triple i มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยยุทธศาสตร์ ‘Logistics and Beyond’ ซึ่งประกอบด้วยสามแนวคิดหลัก คือ Beyond Boundary, Beyond Existing Expertise และ Beyond Traditional Platform ผ่านการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ สามารถสอดประสานความชำนาญในแต่ละด้านได้อย่างลงตัว และที่สำคัญคือการผสานความร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนาการให้บริการด้านโลจิสติกส์รูปแบบใหม่ๆ ที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ความต้องการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารความเสี่ยง และเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทฯ เพื่อยกระดับจากผู้ให้บริการชั้นนำระดับประเทศ สู่ผู้ให้บริการชั้นนำในระดับภูมิภาค

คุณทิพย์ ดาลาล

ในแง่ของการเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน บริษัทฯ ได้ดำเนินการขยายธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีอยู่เดิมทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ที่เป็นเลิศ เช่น การให้บริการโลจิสติกส์ที่รองรับอีคอมเมิร์ซ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันรวมถึงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

ในส่วนของการบริหารความเสี่ยง คุณทิพย์อธิบายให้เราฟังว่า “Triple i มีแนวทางในการบริหารความเสี่ยงด้วยการลดการพึ่งพาธุรกิจหลักหรือลูกค้ารายหลักกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเกินไป เพิ่มแหล่งรายได้ใหม่นอกเหนือจากธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากปัจจัยค่าระวางผันผวนและการขาดแคลนพื้นที่ระวาง รวมไปถึงการลดผลกระทบจากปริมาณการขนส่งสินค้าที่ลดลงในบางประเทศจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์”

ขณะที่แผนการเสริมความแข็งแกร่ง ทาง Triple i ตั้งเป้าหมายดำเนินการผ่านการสร้าง Ecosystem ที่สามารถผสานความสามารถทางธุรกิจ (synergy) ทั้งระหว่างธุรกิจหลักของบริษัทฯ เอง และระหว่าง Triple i กับพันธมิตร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการและบริหารการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับความสามารถทางการแข่งขันให้มากยิ่งขึ้น

Beyond Boundary

หลังจากสร้างฐานธุรกิจและการให้บริการโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งในประเทศไทยมายาวนานกว่าสองทศวรรษ Triple i ได้ก้าวข้ามพรมแดนทางธุรกิจสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรชั้นนำของภูมิภาค ด้วยการขยายพื้นที่ (territory) ให้บริการไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้ของบริษัทที่มาจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น

โดยคุณทิพย์ กล่าวว่า “หลังจากที่เราได้ขยายขอบข่ายการให้บริการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ในประเทศไทยและประสบความสำเร็จมาโดยตลอด Triple i จึงมุ่งมั่นดำเนินการตามวิสัยทัศน์การเติบโต ด้วยการยกระดับบริษัทไปสู่ผู้ให้บริการระดับภูมิภาค โดยเราเริ่มต้นจากการออกไปร่วมทุนกับบริษัท DG Packaging (DGP) ที่สิงคโปร์ ทำให้เรามีแหล่งรายได้ใหม่ที่มาจากระดับภูมิภาคมากขึ้น เรายังมีการขยายการสร้างรายได้และธุรกิจในระดับภูมิภาค โดยการร่วมลงทุนกับพันธมิตรรายสำคัญ อย่างบริษัท Asia Network International (ANI) ผู้ให้บริการตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (Cargo GSA) ชั้นนำ ซึ่งปัจจุบันให้บริการแก่สายการบินกว่า 20 แห่งใน 10 ประเทศและเขตบริหารพิเศษทั่วเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ประเทศไทย สิงคโปร์ เวียดนาม เมียนมา มาเลเซีย กัมพูชา ฮ่องกง และจีน ซึ่งส่งผลให้ Triple i ก้าวสู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคอย่างเต็มรูปแบบทันที”

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัท ANI ยังได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยถือเป็นบริษัทจดทะเบียนบริษัทแรกและบริษัทเดียวในตลาดหลักทรัพย์ของภูมิภาคเอเชีย ที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนขายพื้นที่ระวางให้แก่สายการบิน ซึ่งรายได้ของ ANI มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มาจากการให้บริการในต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นการก้าวสู่ระดับภูมิภาคอย่างชัดเจน

Beyond Existing Expertise 

Triple i ได้เดินหน้าลงทุนและขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ พร้อมต่อยอดจากความเชี่ยวชาญที่มีอยู่เดิม ด้วยการเพิ่มความหลากหลายของเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้ทันต่อการตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

โดยคุณทิพย์อธิบายว่า “ปัจจุบันบริการโลจิสติกส์ของ Triple i ถือได้ว่ามีครบถ้วนในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสินค้าทางอากาศ การขนส่งสินค้าทางเรือ การบริหารจัดการโลจิสติกส์ และการบริหารจัดการโลจิสติกส์สําหรับสินค้าเคมีสินค้าอันตราย อีกทั้งยังให้บริการครอบคลุมทุกโหมดการขนส่ง รวมถึงบริการคลังสินค้าและการกระจายสินค้า ไปจนถึงการจัดการสินค้าที่ต้องการองค์ความรู้เฉพาะทางอย่างเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย”

แม้ว่าแต่ละบริษัทในเครือของ Triple i จะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่หลากหลาย แต่บริษัทยังไม่หยุดยั้งการพัฒนาต่อยอดจากความเชี่ยวชาญนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและบริการใหม่ๆ โดยคุณทิพย์ได้อธิบายเพิ่มเติม ว่า “แม้ว่าทาง Triple i จะดำเนินธุรกิจและมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการสินค้าภาคพื้นและคลังสินค้าที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่แล้ว เรายังได้ร่วมลงทุนกับบริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (SAL) โดย SAL ได้ดำเนินการขยายรากฐานทางธุรกิจเพิ่มเติมผ่านการก่อตั้งธุรกิจร่วมทุนกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จนเกิดเป็นบริษัทใหม่ในชื่อบริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) เพื่อให้บริการภาคพื้นในท่าอากาศยาน ซึ่งครอบคลุมถึงการให้บริการผู้โดยสาร คลังสินค้ารูปแบบอื่นๆ การให้บริการข้างเครื่อง ทําความสะอาด และการสนับสนุนสายการบินต่างๆ ในหกท่าอากาศยานทั่วประเทศ พร้อมเปิดบริการคลังสินค้ารองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Warehouse) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นการร่วมลงทุนในครั้งนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนของการต่อยอดทางธุรกิจจากความเชี่ยวชาญในด้านการให้บริการภาคพื้นสนามบินที่เรามีอยู่เดิมออกไปสู่รูปแบบการให้บริการใหม่ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกัน”

ล่าสุดยังได้ขยายการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าทางอากาศ ด้วยการเชื่อมต่อสามสนามบินหลักของไทยด้วยรถบรรทุก (Airport Truck Link) ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต โดยผสานความร่วมมือกับ AOTGA ในการขยายขีดความสามารถการบริหารจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ Triple i ยังให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศทั่วภูมิภาคเอเชียโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง โดยการรวบรวมสินค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าอีคอมเมิร์ซจากประเทศจีนและประเทศต่างๆ ในอาเซียน เพื่อกระจายสินค้าออกไปยังประเทศปลายทาง (Air Cargo Transit) อาทิ ประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกา รวมไปถึงการเปิดโครงการนำร่องผ่านการผสานความร่วมมือกับคู่ค้าในการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า จากรถบรรทุกหัวลาก เป็นการขนส่งทางรถไฟ (Domestic Rail Transport)

“นอกเหนือจากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ แล้ว กลุ่มบริษัท Triple i ยังต่อยอดจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจเดิม สู่บริการใหม่ที่เกี่ยวเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น การให้บริการโลจิสติกส์สำหรับกลุ่มสินค้าเภสัชภัณฑ์ด้วยระบบ Cold Chain ซึ่งต้องอาศัยองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มากขึ้น” คุณทิพย์กล่าว

Beyond Traditional Platform

ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมของลูกค้าที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัล (digital disruption) จากการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลและแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ทางผู้ให้บริการแต่ละรายในอุตสาหกรรมฯ ต่างพัฒนาขึ้น ด้วยความตระหนักในเทรนด์อุตสาหกรรมดังกล่าว บวกกับวิสัยทัศน์ในการพัฒนาบริการขนส่งและโลจิสติกส์ในรูปแบบใหม่ผ่านการนำเทคโนโลยีเข้ามาจัดการระบบงานและการให้บริการ บริษัท Triple i จึงตัดสินใจร่วมทุนกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการให้บริการเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ในเชิงดิจิทัล อาทิ การร่วมทุนและเป็นพันธมิตรกับ SABUY SPEED, Galaxy Ventures และ MAKESEND เพื่อให้บริการโลจิสติกส์ในรูปแบบแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น

Triple i ได้ร่วมลงทุนในแพลตฟอร์มออนไลน์ MAKESEND ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าภายในประเทศในวันเดียว (same-day delivery) เพื่อตอบสนองลูกค้าที่มีความต้องการขนส่งสินค้าที่เน้นความรวดเร็ว (super express) จากนั้นในปี 2023 ที่ผ่านมา MAKESEND ได้เข้าลงทุนในบริษัท AIRPORTELS ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการขนส่งกระเป๋าสัมภาระสำหรับนักท่องเที่ยวแบบ door-to-door ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ร่วมลงทุนใน SABUY SPEED ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการจุดรับ-ส่งพัสดุสำหรับการขนส่ง (drop-off) ให้บริการเกี่ยวกับการรับส่งพัสดุภายในประเทศ โดยรวบรวมแบรนด์ต่างๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของ SABUY SPEED และจัดส่งโดยบริษัทขนส่งชั้นนำภายในประเทศ โดยตลอดระยะที่ผ่านมา SABUY SPEED ได้ขยายจุดให้บริการอย่างต่อเนื่องถึงเกือบ 20,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อรองรับการขยายตัวของความต้องการขนส่งพัสดุ โดยเฉพาะตลาดอีคอมเมิร์ซ

คุณทิพย์ กล่าวว่า “การร่วมลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ซึ่งตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์ถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด Beyond Traditional Platform อย่างไรก็ตาม เรายังมีแผนการดำเนินการไปอีกขั้นก็คือการผสานการทำงานระหว่างแต่ละธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสนับสนุนการเติบโตขององค์กรทั้งธุรกิจหลัก (Organic) และธุรกิจที่เราเข้าลงทุน (Inorganic) แม้ว่าปัจจุบันธุรกิจหลักดั้งเดิมของเรามีอัตราการเติบโตที่ดี แต่ด้วยศักยภาพของ Triple i เรามั่นใจว่าบริษัทฯ ยังสามารถสร้างการเติบโตด้วยการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ในด้านโลจิสติกส์ อีกทั้งยังเป็นการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงวิกฤติระบาดใหญ่ที่ผ่านมา เมื่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้ามีการชะงักตัว ธุรกิจหลักของเราก็ได้รับผลกระทบ แต่เนื่องจากเรามีการกระจายความเสี่ยงและลงทุนด้วยยุทธศาสตร์ ‘Logistics and Beyond’ เราจึงมีแหล่งรายได้ใหม่เข้ามาสนับสนุน จนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราสามารถสร้างรายได้ที่สูงขึ้นเป็น New High อย่างต่อเนื่อง”

Creating Synergy

นอกเหนือจากการลงทุนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ การพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่เป็นการต่อยอดความเชี่ยวชาญ และการร่วมลงทุนให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ แล้ว Triple i ยังตั้งเป้าหมายในการเป็น The Logistics Management Group เพื่อให้เกิดการผสานความแข็งแกร่งของแต่ละกลุ่มธุรกิจให้สามารถสนับสนุนกันและกันอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยคุณทิพย์อธิบายว่า “ที่ผ่านมาเรามีการดำเนินธุรกิจโดยจับมือกับพันธมิตรมาโดยตลอด เนื่องจากเรามองว่าทุกฝ่ายไม่ใช่คู่แข่งแต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะร่วมเติบโตไปด้วยกัน นอกจากนี้ การร่วมมือกับพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ ยังช่วยสนับสนุนเราผ่านความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของบริษัทนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น การร่วมลงทุนกับแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งเราไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ เราจึงมองหาพันธมิตรที่มีองค์ความรู้ด้านนี้และดำเนินธุรกิจร่วมกัน ซึ่งเราเองก็มีโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์คอยสนับสนุนเขาเช่นกัน ซึ่งนี่ถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปอีกขั้นพร้อมๆ กัน”

Sustainability in Focus

นอกเหนือจากการพัฒนาธุรกิจในมิติต่างๆ แล้ว Triple i ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาความยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม ควบคู่ไปกับด้านการกำกับดูแลและเศรษฐกิจ (ESG) โดยบริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อสื่อสารและส่งเสริมแนวคิดด้านความยั่งยืน เพื่อให้พนักงานทุกระดับสามารถมองเห็นเป้าหมายและดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันกับองค์กร ทั้งยังสนับสนุนองค์ความรู้ในสายอาชีพและทักษะอื่นๆ ผ่านโครงการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับบุคลากร ซึ่งในท้ายที่สุดจะเป็นการขยายโอกาสการเติบโตให้กับพนักงาน สอดคล้องกับแผนงานในการส่งต่อองค์ความรู้และความสามารถในการทำงาน การให้บริการ และการบริหาร ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับแผนการพัฒนาผู้บริหารรุ่นใหม่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า Triple i จะมีการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง

สำหรับโครงการด้านสิ่งแวดล้อม Triple i ได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับรางวัล Commended Sustainability Awards ประจําปี 2024 จากงาน SET Awards 2024 จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งในปี 2024 บริษัทฯ ได้ก้าวสู่ทำเนียบหุ้นยั่งยืนโดยได้รับการประเมิน SET ESG Ratings ในระดับ AA จากตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้ บริษัทในเครืออย่าง HazChem ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำในด้านการขนส่งสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์แบบครบวงจร ได้รับการประเมินในระดับ Silver Medal จาก EcoVadis ผู้ประเมินด้านความยั่งยืนของธุรกิจที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก อีกทั้ง Triple i ยังได้ร่วมมือกับหน่วยภายนอกอื่นๆ เพื่อส่งต่อความรู้ความเชี่ยวชาญในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ผ่านการเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงานเพื่อสิ่งแวดล้อมชั้นนำ อย่าง Responsible Care

ขณะที่โครงการด้านสังคม บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรม CSR อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรด้านโลจิสติกส์ ผ่านการส่งผู้บริหารระดับสูงที่มีความเชี่ยวชาญไปเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่นักศึกษาในสถาบันต่างๆ รวมถึงการลงนามความร่วมมือเพื่อร่วมพัฒนานักศึกษาให้เป็นมืออาชีพด้านโลจิสติกส์ และร่วมพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ รวมไปถึงกิจกรรม Open House ที่เปิดโอกาสให้อาจารย์และนักศึกษาด้านโลจิสติกส์ได้เข้าเรียนรู้การบริหารจัดการคลังสินค้าทั้งคลังสินค้า Fulfillment และคลังสินค้าเคมี และยังใช้ความชำนาญด้านโลจิสติกส์ในการสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคม

A Sustainable Future

แม้ Triple i จะสามารถก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำในระดับภูมิภาคได้อย่างเต็มตัว แต่บริษัทฯ ยืนยันที่จะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะยังมีความท้าทายในอนาคตอีกมากมาย ซึ่งที่สำคัญคือการขับเคลื่อนธุรกิจตามยุทธศาสตร์ ‘Logistics and Beyond’ พร้อมการบูรณาการแนวคิด ESG อย่างต่อเนื่อง สร้างศักยภาพในการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด ก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลง เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน และมีส่วนร่วมในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศไทย


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้APM Terminals Medport Tangier ขยายโครงสร้างพื้นฐาน รองรับตู้สินค้าเพิ่มสองล้านทีอียู
Phubet Boonrasri
Chen is an experienced writer and an avid explorer of nature. He thrives on travelling, hiking, and backpacking to new places. His wanderlust has allowed him to experience and learn from new cultures, allowing him to better accommodate for whatever comes his ways.