
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท Sino Logistics Corporation (SINO) กางแผนธุรกิจปี 2025 รุกใหญ่เพิ่มศักยภาพผู้นำให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศครบวงจร ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ 4,300 ล้านบาท เติบโตกว่า 16 เปอร์เซ็นต์ และเตรียมรุกขยายธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศ ขณะที่ธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าทางทะเล บริษัทฯ เตรียมเปิดบริการเส้นทางเวียดนาม-สหรัฐอเมริกา และจากเวียดนามไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ธุรกิจบริการให้เช่าคลังสินค้าอยู่ระหว่างศึกษาแผนขยายการลงทุนรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมขยายการลงทุนตามแผนงาน

คุณนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Sino Logistics Corporation เปิดเผยว่า “แผนการดำเนินงานปี 2025 จะมุ่งขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการเป็นผู้นำให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร จากปัจจุบันแบ่งพอร์ตธุรกิจหลักเป็นสี่กลุ่ม อาทิ บริการขนส่งสินค้าทางทะเลที่เป็นสัดส่วนรายได้หลัก โดยบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐอเมริกาที่มีปริมาณสินค้าสูงสุดเป็นอันดับสามของโลกและอันดับหนึ่งในประเทศไทย บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ บริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ และบริการให้เช่าคลังสินค้า โดย ณ สิ้นปี 2024 มีสัดส่วนรายได้มาจากบริการขนส่งสินค้าทางทะเล 96 เปอร์เซ็นต์ บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ 1 เปอร์เซ็นต์ และบริการสนับสนุนงานโลจิสติกส์ 3 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวม”
ทั้งนี้ ในปี 2025 บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้รวม 4,300 ล้านบาท เติบโตกว่า 16 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา และมีปริมาณการขนส่งสินค้ารวม 53,000 ตู้ เพิ่มขึ้นเกือบ 8 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน โดยบริษัทฯ เดินหน้าขยายธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าทางอากาศ ด้วยกลยุทธ์การเพิ่มขีดความสามารถและขยายฐานลูกค้า เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพารายได้ในระยะยาวจากกลุ่มธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางทะเล ที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกันบริษัท SINO ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางทะเลให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียนไปพร้อมกัน โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม จัดตั้งบริษัทร่วมทุนและสำนักงานในเวียดนามเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลในเส้นทางเวียดนาม-สหรัฐอเมริกา และจากเวียดนามไปยังภูมิภาคอื่นได้ในเร็วๆ นี้ อีกทั้งยังคาดว่าจะมีปริมาณขนส่งสินค้าในปีแรกประมาณ 900 ตู้ เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตและมีศักยภาพด้านการส่งออก โดยหากสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม บริษัทฯ คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้ามากนัก เนื่องจากประเมินว่าสหรัฐอเมริกายังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากเวียดนามที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจบริการให้เช่าคลังสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยแผนดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาด้านทำเลที่ตั้งและความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ จากปัจจุบันที่มีบริการให้เช่าคลังสินค้าสองแห่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง พื้นที่รวมประมาณ 20,000 ตารางเมตร
“ภาพรวมธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ แม้มีปัจจัยความไม่แน่นอนของภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบกับธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าจากจีนและประเทศในภูมิภาคอาเซียนไปยังสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มองว่าแม้สหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่นๆ ที่เกินดุลการค้า แต่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าบางรายการที่ไม่สามารถผลิตได้เอง และต้นทุนการผลิตสินค้าบางประเภทก็ยังคงสูงกว่าการนำเข้าภายใต้อัตราภาษีใหม่ ขณะที่การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในช่วงสองเดือนแรกที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ” คุณนันท์มนัส กล่าว
นายกวิล กฤษเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท Sino Logistics Corporation กล่าวว่า “ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2024 มีรายได้รวม 3,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,810 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 53 ล้านบาท จากการวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจ และการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในมาเลเซียเมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อขยายธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลแก่ลูกค้า รวมถึงค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจบริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ และบริการให้เช่าคลังสินค้า มีรายได้อยู่ในระดับที่ดี”
ทั้งนี้ ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุนที่มีภาระดอกเบี้ย 0.56 เท่า และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ณ สิ้นปี 2024 อยู่ที่ 311 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความพร้อมด้านเงินทุน จากการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ หรือหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปลายปี 2023 จึงพร้อมรองรับแผนงานขยายธุรกิจต่อไป
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่