Sino Logistics Corporation (SINO) จับมือ SJWD ในฐานะพันมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยจะนำจุดแข็งของทั้งสองบริษัทฯ ร่วมยกระดับศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร เพิ่มอำนาจการต่อรองสายเดินเรือเพื่อบริหารจัดการค่าระวางเรือ ขยายขีดความสามารถการสร้างกำไรของกลุ่มธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเล พร้อมสร้างโอกาสจากการขยายฐานลูกค้าเพื่อเข้าใช้บริการคลังสินค้าร่วมกัน
คุณนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท SINO เปิดเผยว่า “บริษัท SJWD เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ SINO โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการนำจุดแข็งของ SINO ที่มีศักยภาพด้านปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลบนเส้นทางไทย-สหรัฐอเมริกา ผสานเข้ากับความเชี่ยวชาญของ SJWD ด้านการขนส่งสินค้าทางทะเลในภูมิภาคอาเซียน เพื่อยกระดับศักยภาพการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศในเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเล และเพิ่มอำนาจการต่อรองกับสายการเดินเรือในการจัดหาพื้นที่ระวางสินค้า โดยคาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศรวมกันกว่า 150,000 ตู้ต่อปี ซึ่งจะช่วยให้สามารถบริหารค่าระวางเรือด้วยต้นทุนที่ดีและมีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าของทั้งสองบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ SINO ยังใช้โอกาสทางธุรกิจจากความร่วมมือในครั้งนี้ในการวางแผนขยายฐานลูกค้า เพื่อดึงดูดให้เข้ามาใช้บริการคลังสินค้าให้เช่า ซึ่งเป็นอาคารคลังสินค้าทั่วไปและอาคารคลังสินค้าปลอดอากร (Free Zone) ในพื้นที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี อีกทั้ง ทางลูกค้ายังสามารถใช้บริการคลังสินค้าของ SJWD ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นอัตราการเช่าพื้นที่และทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถใช้ทรัพยากรของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนคลังสินค้าในอนาคตได้
โดย SINO คาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลรวมกันกว่า 53,000 ตู้ได้ตามเป้าหมายของบริษัท จากแผนงานรุกขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลในเส้นทางไทย-สหรัฐอเมริกา ยิ่งไปกว่านั้น ในส่วนของบริการ CTX Service ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SINO และพันธมิตรในการขนส่งสินค้าผ่านเรือลำเลียงตู้ขนาดเล็ก ขนาด 120 ตู้ ก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเช่นกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดสำนักงานใหม่ในประเทศมาเลเซีย เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการแก่ลูกค้า และ SINO ยังมีแผนจะเปิดสำนักงานเพิ่มเติมในอีกหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อปริมาณการใช้ตู้สินค้า SOC และ ISO Tank ของบริษัทฯ อย่างเต็มที่ รวมถึงสามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าในช่วงที่ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตตามแผน
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่