โดยเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา SINO และ Mr. Lee Kwee Keong นักธุรกิจชาวมาเลเซีย ได้ร่วมลงนามในสัญญาก่อตั้งบริษัทร่วมทุน ‘Sino Worldwide Logistics Sdn. Bhd.’ ณ ห้องประชุม Royal Maneeya Ballroom โรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong

นิตยสาร LM ฉบับนี้ มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Sino Logistics Corporations จำกัด (มหาชน) พร้อมกรรมการบริษัท Sino Worldwide Logistics Sdn. Bhd. ทั้งสามท่าน ได้แก่ Mr. Lee Kwee Keong, คุณกวิล กฤษเจริญ และคุณกฤษณ์พงศ์ บุญสุขโชติ เกี่ยวกับที่มาเบื้องหลังการเปิดตัวสาขาแห่งใหม่ในครั้งนี้ รวมถึงแผนการและเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

ภาพบรรยากาศพิธีลงนามในสัญญาก่อตั้งบริษัทร่วมทุน ‘Sino Worldwide Logistics Sdn. Bhd.’ ณ ห้องประชุม Royal Maneeya Ballroom โรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong

Strategic Expansion into Malaysia

ด้วยอัตราการเติบโตถึง 8.7 เปอร์เซ็นต์ต่อปีตามรายการของ World Bank ทำให้มาเลเซียนับเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วนี้ ไม่เพียงแต่บ่งชี้ถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เจริญรุ่งเรืองเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึงความต้องการด้านบริการโลจิสติกส์ที่สูงขึ้นเพื่อรองรับกิจกรรมการค้านำเข้า-ส่งออกที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

หลังจากที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านโซลูชันโลจิสติกส์ในตลาดประเทศไทย SINO ยังคงมุ่งมั่นผลักดันเป้าหมายใหม่ที่มีขอบเขตกว้างขึ้นกว่าเดิม นั่นคือการรุกตลาดโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัทฯ ได้เลือกมาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางแรกสำหรับแผนการขยายธุรกิจระดับภูมิภาคในครั้งนี้ เนื่องจากความใกล้ชิดด้านพรมแดน อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

คุณนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Sino Logistics Corporations จำกัด (มหาชน)

โดยคุณนันท์มนัสได้อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจขยายธุรกิจไปยังประเทศมาเลเซียว่า “การขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในการดำเนินการก้าวสำคัญตามที่ระบุไว้ในแผนการเสนอขายหุ้น IPO ของเรา โดยสถิติจากการการให้บริการโซลูชันขนส่งแบบ Free on Board (FOB) ไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหน่วยธุรกิจหลักของ SINO เราพบว่ามาเลเซียเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมโยงที่สำคัญอย่างยิ่งในซัพพลายเชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพสำหรับการปักรากขยายธุรกิจเพื่อต่อยอดการเติบโตในระดับภูมิภาค ดังนั้น การจัดตั้งสำนักงานสาขาของเราเอง แทนการพึ่งพาเครือข่ายตัวแทนในพื้นที่ดังกล่าว จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว เนื่องจากจะทำให้เราสามารถควบคุมทิศทางการดำเนินการและสเกลธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”

“ด้วยความสำเร็จของเราในฐานะผู้ให้บริการสินค้าทางทะเลในเส้นทางไทย-สหรัฐอเมริกา ที่ติดอันดับ 3 ของโลก จากการจัดอันดับของ Datamyne ผมเชื่อว่า SINO มีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดมาเลเซีย ด้วยบริการที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เช่นเดียวกันกับที่เราได้ประสบความสำเร็จในประเทศไทย” คุณนันท์มนัสกล่าวเสริม

Charting a Course for Success

SINO พร้อมนำเสนอโซลูชันโลจิสติกส์ครบวงจรในประเทศมาเลเซีย ครอบคลุมการขนส่งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก รวมถึงบริการคลังสินค้า ภายใต้การบริหารโดย Mr. Lee ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 18 ปีในอุตสาหกรรมฯ ดังนั้น การดำเนินธุรกิจของ SINO ในประเทศมาเลเซียจึงเป็นการผนึกกำลังความรู้เชิงลึกเฉพาะตลาด บวกกับทรัพยากรที่เพียบพร้อมของสำนักงานใหญ่ SINO ในกรุงเทพฯ เพื่อมอบบริการโซลูชันโลจิสติกส์ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะธุรกิจ สำหรับลูกค้าในตลาดมาเลเซียได้อย่างตรงจุด

Mr. Lee Kwee Keong กรรมการ บริษัท Sino Worldwide Logistics Sdn. Bhd.

Mr. Lee เผยถึงแนวทางการให้บริการในมาเลเซียว่า “การให้บริการของ SINO ในช่วงแรกจะมุ่งเน้นบริการขนส่งสินค้าทางทะเลในเส้นทางสู่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมาเลเซียเองก็มีกลุ่มลูกค้าผู้ส่งออกสู่สหรัฐอเมริกาที่ค่อนข้างใหญ่ อย่างไรก็ตาม การให้บริการของเราก็จะครอบคลุมถึงบริการด้านอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน อาทิ การขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย พร้อมทั้งให้บริการโซลูชันสำหรับลูกค้าตลาดเฉพาะ (Niche Markets) อย่างบริการตู้ ISO Tank โดยผมมองว่าการขยายธุรกิจครั้งนี้เป็นการเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ที่น่าตื่นเต้น และนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของตลาดที่มีพลวัตอย่างมาเลเซีย”

“นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ เรายังมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันบริการให้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น บริการตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงโซลูชันโลจิสติกส์อื่นๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง”

Seamless Synergy

อนึ่ง การขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของ SINO ทั้งยังจะนำไปสู่ข้อได้เปรียบด้านราคาโดยรวมสำหรับลูกค้าของบริษัทฯ เนื่องจากจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการเจรจาต่อรองค่าระวางเรือร่วมกับสายการเดินเรือ รวมถึงปริมาณพื้นที่ระวางเรือ ด้วยอํานาจต่อรองที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

คุณกวิล กฤษเจริญ กรรมการ บริษัท Sino Worldwide Logistics Sdn. Bhd. และ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท Sino Logistics Corporation

สำหรับการคาดการณ์ผลการดำเนินการในปีแรก คุณกวิลเผยว่า “ในการดำเนินการของสาขามาเลเซีย บริษัทฯ ตั้งเป้าให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล 2,000 ทีอียู ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลของ SINO รวมทั้งสิ้นสูงเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 53,000 ทีอียูต่อปี”

“นอกจากนี้ ในด้านสิทธิประโยชน์สำหรับลูกค้า การดำเนินการผ่านสำนักงานใหม่ของ SINO ในมาเลเซียจะช่วยการันตีถึงการให้บริการที่ราบรื่น รวมถึงราคาที่แข่งขันได้ระดับท้องถิ่น ทั้งยังจะช่วยให้การให้บริการต่างๆ สามารถผสานรวมเข้ากันกับเครือข่ายในประเทศไทยของเราได้อย่างไร้รอยต่อ ส่งผลให้ประสิทธิภาพและคุณภาพบริการสูงขึ้นตามไปด้วย” คุณกวิลกล่าวเสริม

Future Projection

ทั้งนี้ การจัดตั้งสาขาในประเทศมาเลเซียเป็นเพียงจุดเริ่มต้นก้าวแรกในแผนการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น โดยในอนาคตอันใกล้ SINO มีแผนขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ อาทิ เวียดนามและอินโดนีเซีย ด้วยเช่นกัน

คุณกฤษณ์พงศ์ บุญสุขโชติ กรรมการ บริษัท Sino Worldwide Logistics Sdn. Bhd. และ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท Sino Logistics Corporation

โดยคุณกฤษณ์พงศ์ได้กล่าวถึงแผนการขยายธุรกิจในอาเซียนว่า “ปัจจุบัน การดำเนินธุรกิจของ SINO ในเวียดนามและอินโดนีเซียจะอาศัยดำเนินผ่านเครือข่ายพันธมิตร อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอันใกล้นี้ ทางเราก็มีแผนจัดตั้งสำนักงานของเราเองในประเทศดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยจะใช้ความสำเร็จจากการจัดตั้งสำนักงานในมาเลเซียในครั้งนี้เป็นแนวทางสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต”

“กลยุทธ์การเติบโตโดยรวมของเรามุ่งเน้นขยายปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลในเส้นทางจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังสหรัฐอเมริกา โดยจะใช้ประโยชน์จากการวางหลักประกัน FMC Bond ของเรา เพื่อเพิ่มปริมาณตู้สินค้าและส่วนแบ่งตลาด นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันการขนส่งสินค้าที่มีความยืดหยุ่น โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจทั้งในรูปแบบ FOB ตามเดิมที่มีอยู่แล้ว และพัฒนาธุรกิจ Cost & Freight (CNF) เพื่อดึงดูดฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น และขับเคลื่อนการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน”


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้CMA CGM เปิดบริการ M2X – Mexico Express เชื่อมเอเชียตะวันออกสู่เม็กซิโก
บทความถัดไปWhale Logistics Group ตั้งเป้าขยายพื้นที่คลังสินค้ากว่า 1.2 ล้านตารางเมตรภายในปี 2026