สหไทย เทอร์มินอล หนึ่งในผู้นำการให้บริการท่าเทียบเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจร เข้าร่วมกิจกรรม opportunity day เพื่อรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2019 มีกำไร 109.04 ล้านบาท ตอกย้ำพื้นฐานยังแกร่ง รุกขยายธุรกิจต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าสองโครงการภายในปี 2020 นี้
คุณวรวิทย์ เอื้อทรัพย์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวว่า “สำหรับผลประกอบการปี 2019 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,528.72 ล้านบาท ลดลง 1.87 เปอร์เซ็นต์ จากรายได้รวม 1,557.89 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 367.37 ล้านบาท ลดลง 7.79 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 109.04 ล้านบาท ลดลง 20.16 เปอร์เซ็นต์จากกำไรสุทธิ 136.57 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยการชะลอตัวของการนำเข้า-ส่งออกจากสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งตัวต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดัน
คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวเสริมว่า ถึงแม้ว่าปีนี้จะยังมีปัจจัยกดดันเศรษฐกิจ อย่างเช่นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 ที่กระทบกับภาพร่วมเศรษฐกิจแบบเป็นวงกว้าง ซึ่งปัจจัยนี้ยังคงประเมินผลกระทบได้ยาก แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีมาตรการต่างๆเพื่อให้พนักงานปลอดภัยในการปฎิบัติงานและลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการเข้ามาติดต่องาน
โดยบริษัทฯ คาดว่าปีนี้บริษัทยังคงเติบโตในส่วนของกิจกรรมการขนส่งทางบกและยังคงเติบโตได้ในกิจกรรมท่าเรือชายฝั่งของบริษัทย่อย (บริษัท บางกอก บาร์จ เทอร์มินอล จำกัด) ซึ่งทั้งสองส่วนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีที่แล้ว และมั่นใจว่าการเปิดให้บริการโครงการโลจิสติกส์พาร์ค และศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ได้ในช่วงปลายปี 2020 โดยจะเปิดในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร ผ่านบริษัท บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (Bangkok Logistics Park) ซึ่งทางสหไทยฯ ร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ผู้นำการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย ในขณะที่โครงการ ท่าเรือแห่งใหม่แห่งที่ 3 ผ่าน บริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด (Bangkok River Terminal) ซึ่งสหไทยฯ ร่วมลงทุนกับบริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของโลก และกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผลเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2021 ซึ่งทั้ง 2 โครงการนอกจากจะช่วยในการเติบโตและขยายฐานของบริษัทฯให้ใหญ่ขึ้น ยังจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจอีกด้วย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่