PSA Sines รับมอบเครน RTG อัตโนมัติใหม่ 6 คัน พร้อมยกระดับปฏิบัติการตู้สินค้าอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

0
89

เมื่อเร็วๆ นี้ PSA Sines ได้ยกระดับอุปกรณ์ยกขนสินค้าในลานตู้เป็นระบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการรับมอบเครนคานยกตู้สินค้าระบบอัตโนมัติ (aRTG) ทั้งหมดหกคัน โดยเครนชุดใหม่จะช่วยสนับสนุนการปฏิบัติการเครนหน้าท่าที่มีอยู่เดิมจำนวน 29 คัน พร้อมยกระดับปฏิบัติการของ PSA Sines ทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการยกขนตู้สินค้าภายในท่าเรือและเพิ่มความปลอดภัยในลานตู้สินค้าอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ท่าเทียบเรือเข้าใกล้เป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ได้วางแผนได้

โดยเครน aRTG ชุดใหม่เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขั้นที่หนึ่ง ในแผนขยายท่าเทียบเรือเฟสที่สามของ PSA Sines โดยในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการทดสอบการใช้งานบริเวณลานตู้และทดสอบระบบปฏิบัติการ โดยคาดว่าจะเริ่มปฏิบัติการอย่างเป็นทางการในช่วงปลายไตรมาสที่สองของปี 2024

ทั้งนี้ การเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ดีเซลมาเป็นระบบไฟฟ้าจะช่วยให้ PSA Sines เป็นหนึ่งในท่าเรือชั้นนำในคาบสมุทรไอบีเรีย และช่วยส่งเสริมเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ในการลดการปล่อยคาร์บอนให้สำเร็จภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050

เครน aRTG ชุดใหม่จำนวนหกคันที่ได้รับมอบในครั้งนี้ รวมถึงเครนหน้าท่าจำนวนสองคันที่เพิ่มเข้ามาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ และการสั่งซื้อรถหัวลาก (prime mover) ชุดใหม่จำนวน 12 คัน เป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายท่าเทียบเรือเฟสที่สามของ PSA Sines ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 412 ล้านยูโร โดยเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2030 ท่าเทียบเรือจะมีความสามารถในการรองรับตู้สินค้าต่อปีเพิ่มขึ้นสองเท่า จากเดิมที่ 2.7 ล้านทีอียู เป็น 4.2 ล้านทีอียู ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ PSA Sines ในฐานะหนึ่งในท่าเรือหลักของภูมิภาคได้ โดยนับตั้งแต่ปี 2000 ท่าเทียบเรือ PSA Sines ได้ทำการลงทุนยกระดับปฏิบัติการในท่าเทียบเรือให้ทันสมัยขึ้นเป็นมูลค่ามากกว่า 370 ล้านยูโร

Mr. Ricardo Sobral หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม ประจำ PSA Sines กล่าวว่า “เครนที่มีความล้ำสมัยเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของปฏิบัติการในท่าเทียบเรือของเรา ผสานกับเทคโนโลยีอัตโนมัติที่ทันสมัย ขณะเดียวกันก็เป็นการยกระดับปฏิบัติการเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของท่าเทียบเรือฯ ทั้งนี้ PSA Sines จะปรับใช้อุปกรณ์ปฏิบัติการระยะไกลระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยสารบอนได้มากขึ้น”


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้FedEx ประสบความสำเร็จในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าเป็นครั้งแรกจากมาเลเซียสู่สิงคโปร์
บทความถัดไปCOSCO Shipping ยกระดับความปลอดภัยด้วยการติดตั้งระบบ Iridium GMDSS