บริษัท FedEx Logistics และ FedEx Express ในเครือของ FedEx Corp เปิดตัวบริการ FedEx LCL Priority บริการใหม่ล่าสุด เพื่อนำเสนอโซลูชันการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (Less-than-Container Load: LCL) พร้อมบริการผ่านพิธีการศุลกากร สำหรับการขนส่งทั้งในรูปแบบ port-to-door และ door-to-door ซึ่งมาพร้อมความรวดเร็ว การประหยัดต้นทุน และประสิทธิภาพระดับสูง โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อตลาดการค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกับตลาดสำคัญในตะวันออกกลาง ผ่านการผสานเครือข่ายการขนส่งทางทะเลและทางบกแบบครบวงจร ซึ่งรวดเร็วกว่าการขนส่งทางทะเลและมีข้อได้เปรียบด้านประสิทธิภาพต้นทุนมากกว่าการขนส่งทางอากาศ
เนื่องจากแนวโน้มตลาดการค้าระหว่างประเทศสมาชิกของคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) กับประเทศในเอเชีย ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตจนมีมูลค่าสูงถึง 578,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2030 เพื่อตอบรับกับแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว FedEx จึงได้พัฒนาบริการ LCL Priority ขึ้น เพื่อสนับสนุนตลาดการค้าระหว่างทั้งสองภูมิภาคโดยเฉพาะ
โดยบริการ FedEx LCL Priority มาพร้อมความยืดหยุ่นที่ช่วยตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งที่ต้องการความรวดเร็วหรือการขนส่งที่ประหยัดต้นทุนเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถขนส่งสินค้าได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังช่วยลดความซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการประสานงานกับผู้รับจัดการขนส่งสินค้าหลายรายด้วย นอกจากนี้ ด้วยโซลูชันติดตามสินค้าแบบ end-to-end ยังจะช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามสินค้าได้ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพและความโปร่งใสให้กับบริการใหม่นี้ได้เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ โซลูชันขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบกของบริการ FedEx LCL Priority จะช่วยลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลางลงได้ประมาณ 8 -10 วัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ประเภทสินค้า และต้นทาง/ปลายทางสุดท้าย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่