เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา บริษัท DHL Global Forwarding ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ Schneider Electric ในการออกแบบและเปิดตัวโมเดลการขนส่งสินค้าแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบ (multimodal) โดยใช้เชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืน (SAF) เป็นครั้งแรก เพื่อยกระดับความรวดเร็วและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในซัพพลายเชน
จากการร่วมมือระหว่าง DHL Global Forwarding และ Schneider Electric ครั้งนี้ จะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถใช้งานเส้นทางเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าใหม่ ระหว่างสิงคโปร์-อเมริกาเหนือ และอินเดีย-อเมริกาเหนือ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ จากการขนส่งสินค้าทางอากาศ ตามที่ระบุใน Scope 3 ทั้งนี้ Schneider Electric ได้วางแผนออกแบบและใช้งานเส้นทางเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าหลากหลายรูปแบบทั้งหมดแปดเส้นทางร่วมกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ โดย Schneider Electric คาดการณ์ว่าเส้นทางการเชื่อมต่อที่ผสานโหมดการขนส่งทั้งทางทะเลและทางอากาศเหล่านี้ จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในการขนส่งได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการขนส่งทางอากาศทั่วไป นับตั้งแต่บริษัทฯ เริ่มต้นใช้งาน เส้นทางเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าระหว่างสิงคโปร์-อเมริกาเหนือ และอินเดีย-อเมริกาเหนือ ด้วยความร่วมมือกับ DHL Global Forwarding ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
“เราได้มอบโซลูชันการขนส่งอย่างยั่งยืนโดยใช้เชื้อเพลิง SAF ให้กับลูกค้าหลายรายผ่านโครงการ GoGreen Plus แน่นอนว่าการเป็นพันธมิตรกับ Schneider Electric ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและการปฏิบัติการโลจิสติกส์อย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง โดย DHL ตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก 39 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เปรียบเทียบ ให้เหลือ 29 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เปรียบเทียบภายในปี 2023 และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เราได้ลงทุนถึงเจ็ดล้านยูโรในการพัฒนาการปฏิบัติการอย่างสะอาด เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” Mr. Thomas George ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ บริษัท DHL Global Forwarding กล่าว
“ที่ Schneider Electric ความยั่งยืนถือเป็นหัวใจหลักของพันธกิจของเรา และขับเคลื่อนให้เราสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคต” Mr. Mourad Tamoud รองประธานบริหารระดับสูงฝ่ายซัพพลายเชนระดับโลก บริษัท Schneider Electric กล่าว “เราไม่อาจดำเนินเป้าหมายนี้ได้เพียงลำพัง การร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในระบบนิเวศซัพพลายเชนอย่าง DHL จึงมีความสำคัญอย่างมาก และเราหวังว่าบริษัทอื่นๆ จะได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็นไปได้นี้ เพื่อที่เราจะสามารถร่วมลดการปล่อยคาร์บอนไปด้วยกัน”
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่