DHL Global Forwarding ประกาศก้าวสำคัญในเส้นทางสู่ความยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV) สำหรับการใช้งานในกรุงเทพฯ โดยรถไฟฟ้าเหล่านี้จะถูกนำไปปฏิบัติการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า ประมาณ 1,000 ตันต่อเดือน รวมเป็นระยะทางมากกว่า 28,000 กิโลเมตรต่อเดือนนอกเหนือจากคุณสมบัติหลักในการลดมลพิษ
ด้วยการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้ DHL Global Forwarding (Thailand) ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 85,000 กิโลกรัมต่อปี เทียบเท่ากับเที่ยวบินไป-กลับ 27 เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปยัง London สำหรับนักท่องเที่ยวหนึ่งคน โดยรถขนส่งสินค้า EV รุ่นใหม่นี้ยังมีจุดเด่นด้านความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็ว โดยใช้เวลาในการชาร์จเกินกว่าหนึ่งชั่วโมงเล็กน้อย สำหรับรถตู้ไฟฟ้าที่ชาร์จไฟเต็มสามารถเดินทางไกลได้ถึง 200 กิโลเมตร และบรรทุกของได้มากถึง 800 กิโลกรัม ขณะเดียวกันรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าสามารถปฏิบัติการได้ไกลถึง 350 กิโลเมตร และบรรทุกของได้สูงสุด 5,000 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยมาตรฐาน อาทิ ระบบเบรก ABS, ระบบล็อคอัตโนมัติ สัญญาณเตือนโดยใช้เซ็นเซอร์ และระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) เพื่อรับรองความปลอดภัยในการขับขี่ให้กับพนักงานขนส่ง
Mr. Thomas Tieber ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท DHL Global Forwarding นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการนี้ ว่า “DHL เชื่อมั่นในพลังของนวัตกรรมและความยั่งยืนซึ่งเป็นแรงผลักดันที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน การนำรถ EV มาใช้ในการปฏิบัติการขนส่งสินค้าในกรุงเทพฯ นั้น เป็นวิธีการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และบริษัทฯ ต้องการเป็นผู้นำในเรื่องนี้อย่างจริงจัง”
นอกจากนี้ การริเริ่มใช้รถ EV ในกรุงเทพฯ ยังเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ GoGreen ของบริษัทฯ โดยอีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ แนวทางปฏิบัติที่มีมายาวนานของ DHL Global Forwarding ในการช่วยเหลือลูกค้าในการประเมินการปล่อยก๊าซคาร์บอนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์แบบครบวงจร ‘MyDHLi’ ซึ่งมอบทางเลือกให้กับลูกค้าในการลดคาร์บอนแบบอินเซ็ต (Inset) และการชดเชยคาร์บอน (Offset) เพื่อช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการขนส่งของลูกค้า
ภายใต้ก้าวย่างที่สำคัญในการบรรลุวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืนนี้ DHL ได้ลงทุนกับการดำเนินงานอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในระดับโลก โดยกลุ่มบริษัท DHL มีแผนที่จะลงทุนเจ็ดพันล้านยูโรภายในปี 2030 ในโครงการริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือน้อยกว่า 29 ล้านตัน ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ Science-Based Targets Initiative ของบริษัทฯ
ทั้งนี้ การใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าในกรุงเทพฯ เป็นเพียงมุมหนึ่งของกลยุทธ์ของบริษัทฯ โดย DHLได้เริ่มใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 60 เปอร์เซ็นต์ เพื่อการขนส่งในช่วงสุดท้ายของเส้นทางการขนส่งสินค้า (Last Mile) ควบคู่ไปกับการปรับปรุงการใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืนสำหรับการขนส่งทางอากาศและทางทะเล และดำเนินโครงการริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้เครือข่ายทั่วโลกของบริษัทฯ
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่