A.P. Moller – Maersk ผู้ให้บริการขนส่งตู้สินค้าและโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก เผยผลประกอบการไตรมาสแรก 2020 ยังคงทำกำไร สวนกระแสวิกฤตไวรัสโคโรนา โดย Mr. Søren Skou ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร A.P. Moller – Maersk กล่าวว่า “ไตรมาสแรกของปีนี้ A.P. Moller – Maersk ยังคงสามารถสร้างความเติบโตและผลกำไรแบบปีต่อปีได้ถึง 23 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราต้องไม่ลืมว่าผลลัพธ์ที่โดดเด่นนี้ เกิดขึ้นในช่วงของไตรมาสที่อุตสาหกรรมต้องเผชิญกับต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น จากการเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงชนิดกำมะถันต่ำ รวมไปถึงการหดตัวของการค้าโลก จากนโยบายล็อกดาวน์ในแทบทุกภูมิภาค ตั้งแต่ที่วิกฤต COVID-19 เริ่มก่อหวอด เราก็เน้นให้ความสำคัญกับสุขภาพและสุขอนามัยของพนักงาน การสนับสนุนธุรกิจของลูกค้า รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือต่อประชาสังคมที่เรามีส่วนเกี่ยวข้องมาโดยตลอด”
โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2019 กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทฯ ปรับเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากการประกอบกิจการ (EBITDA margin) ขยายตัว 15.9 เปอร์เซ็นต์ และมียอดรายรับอยู่ที่ 9.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่การขนส่งสินค้าทางทะเลยังคงเป็นหัวใจหลักในการทำกำไร แม้ว่าปริมาณการขนส่งสินค้าของอุตสาหกรรมจะอยู่ในภาวะชะลอตัวก็ตาม
นอกจากยอดรายรับที่เพิ่มขึ้นแล้ว Maersk ยังมีการขยายบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การซื้อกิจการบริษัท Performance Team ผู้ให้บริการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าในสหรัฐฯ และการสร้างคลังสินค้าเย็นที่ St. Petersburg ในรัสเซีย อีกทั้งการใช้บริการดิจิทัลของบริษัทฯ ยังมีการขยายตัวสูงถึง 86 เปอร์เซ็นต์ โดยลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากความสามารถในการบริหารจัดการซัพพลายเชนได้จากระยะไกล
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของภาคธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางทะเล ปรับเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสแรกของปี 2020 โดยมีกำไรจากการประกอบกิจการ (EBITDA margin) ขยายตัว 16.3 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่หนึ่งนี้ มีการงดให้บริการเที่ยวเรือมากกว่า 90 เที่ยว ส่งผลให้อัตราการใช้ประโยชน์จากระวางสินค้าโดยเฉลี่ย ลดลง 3.5 เปอร์เซ็นต์ และบริษัทฯ จะยังคงใช้มาตรการต่างๆ ต่อไปในไตรมาสที่สอง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการลดลงของความต้องการขนส่งสินค้า
ในส่วนของธุรกิจบนแผ่นดิน บริการด้านโลจิสติกส์ ยกเว้นบริการตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้า มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ขยายตัวไปอยู่ที่ 69 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 49 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับการคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคตนั้น Mr. Skou ได้ระบุว่า “ในไตรมาสที่สองของปี 2020 นี้ เรายังไม่สามารถแน่นอนใจกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังคงเป็นปัญหาอยู่ โดยที่ความต้องการบริโภคสินค้าทั่วโลกซึ่งได้รับผลกระทบนั้น จะส่งผลเชิงลบต่อธุรกิจของเราในทุกภาคส่วน ซึ่งคาดว่าอาจจะสูงถึง 20-25 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม เรายังคงอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งพอที่จะล่องบรรษัทนาวาผ่านพายุร้ายครั้งนี้ไปได้”
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่