Tops จับมือ DHL Supply Chain Thailand เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าพลังงานสะอาด ขับเคลื่อนอนาคตกรีนโลจิสติกส์

0
568

Tops ธุรกิจกลุ่มอาหาร ในเครือ Central Retail Corporation จับมือ DHL Supply Chain Thailand ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก ยกระดับสู่การเป็น ‘Green & Sustainable Retail’ ด้วยการเปิดตัวรถขนส่งพลังงานไฟฟ้ารวมสิบคัน เพื่อขนส่งกระจายสินค้าจาก DHL Bangna Logistics Campus ไปยังร้าน Tops Daily ทั่วกรุงเทพฯ นอกจากนี้ Tops ยังวางแผนเพิ่มจำนวนรถขนส่งพลังงานไฟฟ้าในระบบขนส่งเพิ่มเติม รวม 29 คันในปี 2024 ครอบคลุมพื้นที่ไปยังต่างจังหวัด โครงการริเริ่มครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการเดินหน้าสู่เป้าหมายร่วมกันในการบรรลุการปล่อยก๊าซเป็นศูนย์ภายในปี 2050 รวมไปถึงการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 13,335 ตันภายในห้าปี

Mr. Stephane Coum ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฟู้ด บริษัท Central Retail กล่าวว่า “Tops มีความมุ่งมั่นในการเป็นต้นแบบองค์กรค้าปลีกสีเขียวที่ยั่งยืน (Green & Sustainable Retail) ตามเจตนารมณ์ของ Central Retail ที่ได้ตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 นอกจากนี้ การร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อโครงการ ‘Small Acts Together 4 พลังเล็กสร้างสุขเพื่อโลกที่ยั่งยืน’ ของ Tops ซึ่งการริเริ่มนำรถขนส่งพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในระบบโลจิสติกส์ นั้นสอดคล้องกับนโยบายด้านการคิดค้นและสร้างสรรค์ของโครงการ ทั้งนี้ การเปิดตัวรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) จะเริ่มนำร่องใช้ในการขนส่งกระจายสินค้าของร้าน Tops Daily ในพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ เป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนของTops ในการเป็นผู้นำแห่งอุตสาหกรรมค้าปลีกอาหารด้วยวิสัยทัศน์แห่งอนาคต”

Mr. Steve Walker ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประเทศไทย บริษัท DHL Supply Chain Thailand กล่าวถึงความสำคัญในการร่วมมือครั้งนี้ว่า “ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่เราเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม Central Food Retail เราได้นำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ในการปฏิบัติการทั้งในส่วนของคลังสินค้าและการขนส่ง การเปิดตัวรถขนส่งพลังงานไฟฟ้าในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ร่วมกันของเราในการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่รถพลังงานไฟฟ้าและการปฏิบัติการอย่างยั่งยืนคือหัวใจหลักของการขนส่ง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ DHL ที่มีเป้าหมายหลักคือการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีนัยสำคัญตามแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของ DHL”

สำหรับรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ารุ่นนี้สามารถปฏิบัติการได้ในระยะทางสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยใช้เวลาในการชาร์จพลังงานเต็มประสิทธิภาพเพียง 40 นาที และไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดย DHL ได้ติดตั้งสถานีชาร์จ สามจุดใน Bangna Logistics Campus เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าไปยัง Tops Daily จำนวน 25 สาขา ทั่วกรุงเทพฯ ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำถึงการให้ความสำคัญในกระบวนการขนส่งและการปฏิบัติการอย่างยั่งยืน


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Yusen Logistics ประกาศความมุ่งมั่นลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้ 45 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030
บทความถัดไปPIL ปฏิบัติการเรือ Kota Gabung สู่ปาปัวนิวกินี ในฐานะเรือขนส่งตู้สินค้าที่ใหญ่ที่สุดที่เข้าเทียบท่าในประเทศ