TIFFA Group ยกระดับการให้บริการอีกขั้นด้วยการเดินหน้าเปิดให้บริการสถานีตู้สินค้า ICD แห่งใหม่เชื่อมโยงพื้นที่ระหว่างกรุงเทพฯ ปริมณฑล และท่าเรือแหลมฉบัง มอบตัวเลือกที่ทันสมัย พร้อมบริการระดับโลก ให้แก่กลุ่มลูกค้าผู้นำเข้าส่งออกไทย รวมถึงพันธมิตรสายการเดินเรือ และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ในชื่อ TIFFA Logistics Center
นับตั้งแต่การก่อตั้ง สถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่องลาดกระบัง (ICD ลาดกระบัง) ในปี 1995 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการเชื่อมโยงการขนส่งตู้สินค้าระหว่างกรุงเทพฯ ปริมณฑล และท่าเรือแหลมฉบัง สถานี ICD แห่งนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นฟันเฟืองสำคัญของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย โดยไม่เพียงช่วยลดความแออัดบนท้องถนนและท่าเรือ แต่ยังเพิ่มความรวดเร็วในการขนส่ง รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งตู้สินค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ
ล่าสุด TIFFA Group เตรียมเปิดให้บริการสถานีตู้สินค้า ICD แห่งใหม่บนพื้นที่ย่านลาดกระบังในชื่อ TIFFA Logistics Center เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าด้วยทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้นในการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างพื้นที่ภาคกลางและท่าเรือสินค้าหลักของประเทศไทย โดยนิตยสาร LM ฉบับนี้ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานกรรมการ บริษัท TIFFA Logistics Center เพื่อเจาะลึกเบื้องหลังการพัฒนาสถานีตู้สินค้าแห่งนี้ พร้อมชูจุดเด่นและประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้บริการสถานีตู้สินค้า ICD ดังกล่าว
Solid Foundation
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยด้านความแออัดของท่าเรือแหลมฉบัง ปัญหาการจราจรติดขัด หรือแม้กระทั่งปัญหาการปรับตัวสูงขึ้นของต้นทุนเชื้อเพลิง สถานีตู้สินค้า ICD ได้กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้นำเข้าส่งออกเลือกใช้ ช่วยให้ผู้นำเข้า-ส่งออก รวมถึงบริษัทผู้รับจัดการขนส่งสินค้าสามารถรับ-ส่งตู้สินค้าได้ที่สถานีตู้สินค้าได้ทันที โดยไม่ต้องไปรับ-ส่งตู้สินค้า ณ ท่าเรือแหลมฉบังด้วยตนเอง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถประหยัดต้นทุนด้านเวลาและค่าใช้จ่ายจากการปฏิบัติงานได้มากขึ้น
จากสถิติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันสถานีตู้สินค้า ICD กำลังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการขนส่งตู้สินค้าของไทยมากยิ่งขึ้น คุณสุวิทย์อธิบายว่า “จากข้อมูลสถิติที่เราได้ศึกษามา พบว่าตัวเลขการใช้งาน ICD ลาดกระบังมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะมีการขยายพื้นที่อุตสาหกรรมและภาคการผลิตไปยังเขตภาคตะวันออกภายใต้โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แต่ตัวเลขสถิติที่สะท้อนออกมาแสดงให้เห็นว่าภาคกลางและพื้นที่ใกล้เคียงยังคงเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการนำเข้าและส่งออกสินค้า”
“ที่ตั้งของสถานีตู้สินค้าแห่งใหม่นี้ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าหลากหลายรูปแบบ (Multimodal Transport Hub) ระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ประเทศ ลาว มาเลเซีย กัมพูชา และเมียนมา นอกจากนี้ หากพิจารณาถึงโครงการย้ายท่าเรือกรุงเทพที่ทางรัฐบาลกำลังพิจารณาอยู่นั้น ยิ่งส่งผลให้บทบาทของสถานีตู้สินค้า ICD ที่สามารถเชื่อมโยงภาคกลางและพื้นที่ใกล้เคียงเข้ากับท่าเรือแหลมฉบังทวีความสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น สถานีตู้สินค้าแห่งใหม่นี้จึงได้ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการที่จะเพิ่มขึ้น ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ”
Comprehensive ICD Services
สถานีตู้สินค้า TIFFA Logistics Center เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท TIFFA Group ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าของไทยจากการบริหารจัดการ TIFFA ICD หนึ่งในผู้ให้บริการสถานีตู้สินค้าที่สถานี ICD ลาดกระบังมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม โดยสถานีตู้สินค้าแห่งใหม่นี้เป็นผลลัพธ์จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมากว่า 25 ปี พร้อมจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับมาตรฐานการบริการเพื่อรองรับความต้องการของผู้นำเข้าและส่งออกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สถานีตู้สินค้า TIFFA Logistics Center แห่งใหม่นี้มีทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านลาดกระบัง ใกล้กับทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์) ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพียงแปดกิโลเมตรเท่านั้น โดยนับเป็นผู้ให้บริการรายที่แปดที่ได้รับใบอนุญาตให้ก่อตั้ง ‘โรงพักสินค้าเพื่อตรวจปล่อยของขาเข้าและบรรจุของขาออกที่ขนส่งโดยระบบคอนเทนเนอร์นอกเขตท่าเรือรับอนุญาต (รพท.)’ จากกรมศุลกากรอย่างเป็นทางการ โดยผู้ใช้บริการสามารถดำเนินพิธีการทางด้านศุลกากรและตรวจปล่อยตู้สินค้า ณ สถานีตู้สินค้าแห่งนี้ได้ในทันที ซึ่งทาง TIFFA ได้เตรียมความพร้อมในให้บริการอย่างครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นบริการลานบรรจุสินค้า (CFS) รวมถึงลานวางตู้สินค้า (CY) บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ สามารถรองรับตู้สินค้าได้สูงถึง 25,000 ทีอียูต่อเดือน หรือ 300,000 ทีอียูต่อปี
คุณสุวิทย์ กล่าวว่า “การเปิดตัวสถานีตู้สินค้าแห่งใหม่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างทางเลือกให้กับลูกค้าในการเชื่อมโยงขนถ่ายตู้สินค้าระหว่างพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และท่าเรือแหลมฉบังให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการเชื่อมโยงด้วยบริการขนส่งทางบกผ่านกองรถบรรทุกที่เราจัดเตรียมไว้ไม่น้อยกว่า 400 คัน ซึ่งลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่า ท่านจะได้รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานเช่นเดิม”
Innovative Design for Maximum Efficiency
สำหรับสถานีตู้สินค้าแห่งใหม่นี้ ได้เตรียมความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานไว้อย่างครบครัน ตั้งแต่การติดตั้งปลั๊กจ่ายไฟฟ้าสำหรับตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Plugs) จำนวนไม่น้อยไปกว่า 120 ปลั๊ก ไปจนถึงคลังสินค้าขนาดใหญ่กว่า 8,000 ตารางเมตร ซึ่งสามารถรองรับการจัดเก็บและบรรจุสินค้าสำหรับลูกค้าในทุกประเภทอุตสาหกรรม นอกจากนี้ TIFFA Logistics Center ยังได้ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR) และระบบประตูรถบรรทุกเข้า-ออกอัตโนมัติ (Autonomous Truck Gate) ที่กำลังดำเนินการติดตั้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการดำเนินการ เมื่อรวมกับการออกแบบเส้นทางเดินรถที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ทำให้สามารถแก้ปัญหาการจราจรติดขัดทั้งภายในและนอกสถานีฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวก สถานีตู้สินค้าฯ ได้จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ซึ่งประกอบด้วยแท่นโหลดสินค้า (Dock Leveler) สำหรับการขนถ่ายสินค้า ระบบแสงสว่างด้วยหลอดไฟ LED และช่องรับแสงธรรมชาติ รวมถึงชั้นวางสินค้าแบบ Selective Rack ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย
นอกจากนี้ การออกแบบสถานีตู้สินค้าแห่งใหม่นี้ยังให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดรับกับนโยบายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนที่กำลังได้รับความสนใจและถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดในระดับสากล ทาง TIFFA จึงเลือกใช้อุปกรณ์ยกขนตู้สินค้าพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดสี่คัน รวมถึงฟอร์คลิฟท์พลังงานไฟฟ้าเพื่อปฏิบัติการภายในคลังสินค้า เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาเพื่อนำพลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนและช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไปพร้อมๆ กัน
คุณสุวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมถือเป็นอีกหนึ่งมิติในการดำเนินงานที่เราให้ความสำคัญสูงสุด เราจึงได้ลงทุนสั่งซื้ออุปกรณ์ยกขนตู้สินค้าพลังงานไฟฟ้าจากบริษัท SANY จำนวนสี่คัน เพื่อให้สถานีตู้สินค้าของเราเป็นสถานที่ที่ใช้พลังงานสะอาด พร้อมลดอัตราการปล่อยมลพิษ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทั้งในด้านการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน”
ยิ่งไปกว่านั้น สถานีตู้สินค้าฯ ยังให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัย โดยติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ครอบคลุมทั่วทั้งคลังสินค้าและสำนักงาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังควบคุมการเข้า-ออกด้วยระบบคีย์การ์ด (Key Access Control)
Enduring Competence
ด้วยประสบการณ์ในการให้บริการที่สถานี ICD ลาดกระบัง ยาวนานกว่า 25 ปี TIFFA Group ไม่เพียงสั่งสมความรู้และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมฯ เท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้แนวทางในการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา TIFFA ได้ใช้ประสบการณ์เหล่านี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบและปรับปรุงสถานีตู้สินค้าแห่งใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นสู่การสร้างสรรค์สถานีตู้สินค้าที่มีความทันสมัย ครบครัน และมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างลงตัว
คุณสุวิทย์กล่าวว่า “จากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการสถานี ICD มาเกือบสามทศวรรษ ทำให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงข้อจำกัดและความท้าทายที่ธุรกิจประเภทนี้กำลังเผชิญอยู่ เราจึงนำความรู้ความเข้าใจเหล่านั้นมาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาสถานีตู้สินค้าใหม่แห่งนี้ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การออกแบบเส้นทางเดินรถ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่สามารถนำเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
การเปิดตัวสถานีบรรจุและคัดแยกตู้สินค้าแห่งใหม่ของ TIFFA Group ในชื่อ TIFFA Logistics Center ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย ด้วยจุดเด่นจากการผสานความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์อันยาวนาน ความเข้าอกเข้าใจฐานะในผู้ประกอบการท้องถิ่น และโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย สถานี ICD แห่งใหม่นี้มุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ตลอดจนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยในอนาคต
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่