การพาณิชย์นาวีและท่าเรือแห่งสิงคโปร์ (MPA) ท่าเรือ Long Beach และท่าเรือ Los Angeles โดยการสนับสนุนของกลุ่มความร่วมมือ C40 Cities ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อพัฒนาเฉลียงการขนส่งสินค้าสีเขียวและเฉลียงการขนส่งสินค้าดิจิทัลระหว่างสิงคโปร์ และกลุ่มท่าเรือในอ่าว San Pedro เพื่อรองรับการลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมพาณิชย์นาวี และยกระดับประสิทธิภาพผ่านการเปลี่ยนผ่านสู่กระบวนการแบบดิจิทัล
โดยบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้รับการลงนามโดย Mr. Teo Eng Dih ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MPA, Mr. Mario Cordero ผู้อำนวยการบริหาร ท่าเรือ Long Beach และ Mr. Gene Seroka ผู้อำนวยการบริหาร ท่าเรือ Los Angeles โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสิงคโปร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความสัมพันธ์ทางการค้าของสิงคโปร์ ประธาน MPA ประธานคณะกรรมาธิการท่าเรือ Long Beach และรองประธานคณะกรรมาธิการท่าเรือ Los Angeles ร่วมเป็นสักขีพยาน
“ไม่มีท่าเรือหรือองค์กรใดสามารถรับมือกับความท้าทายในการลดการปล่อยคาร์บอนในซัพพลายเชนได้โดยลำพัง ไม่ว่าพวกเขาจะมีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า หรือใช้ความพยายามมากเพียงใดก็ตาม การจัดตั้งเฉลียงการขนส่งสินค้าสีเขียวระหว่างกลุ่มท่าเรือในอ่าว San Pedro และสิงคโปร์ จะเป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังของความร่วมมือในระดับโลก” Mr. Seroka กล่าว
ในฐานะท่าเรือศูนย์กลางชั้นนำ สิงคโปร์, Long Beach และ Los Angeles เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญบนเส้นทางการเดินเรือข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก และถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในการเปลี่ยนผ่านสู่ปฏิบัติการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของภาคพาณิชย์นาวี ท่าเรือทั้งสามแห่งและเครือข่าย C40 Cities รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ในห่วงโซ่มูลค่าเชิงพาณิชย์นาวีและพลังงาน จะร่วมกันผลักดันการลดการปล่อยคาร์บอนของอุตสาหกรรมโดยสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) และการมีส่วนร่วมที่กำหนดโดยสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา
เฉลียงการขนส่งสินค้าแบบดิจิทัลสีเขียวมีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้เชื้อเพลิงมลพิษต่ำและเชื้อเพลิงที่ปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์โดยเรือที่เข้าเทียบท่าที่สิงคโปร์และกลุ่มท่าเรือในอ่าว San Pedro ในการนี้ คู่สัญญาทุกฝ่ายจะสนับสนุนการจัดหาและใช้เชื้อเพลิงดังกล่าว รวมถึงค้นหาแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและกฎระเบียบสำหรับการเติมเชื้อเพลิงเรือ นอกเหนือจากการระบุและร่วมมือกันในโครงการนำร่องและโครงการสาธิตแล้ว บันทึกความเข้าใจนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อระบุโซลูชันการขนส่งแบบดิจิทัล และพัฒนามาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับท่าเรือสีเขียวและการเติมเชื้อเพลิงเรือทางเลือกอื่นๆ รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์ในเวทีระหว่างประเทศ เช่น IMO เป็นต้น
ทั้งนี้ C40 Cities เป็นเครือข่ายของนายกเทศมนตรีเกือบ 100 คน จากเมืองชั้นนำของโลก ซึ่งร่วมมือกันเพื่อดำเนินการอย่างเร่งด่วนสำหรับปฏิบัติการต่างๆ ที่มีความจำเป็นในปัจจุบัน เพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และสร้างสรรค์อนาคตที่ทุกคน ในทุกแห่งสามารถเติบโตได้ นายกเทศมนตรีของเมืองในกลุ่ม C40 Cities มีพันธกิจในการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์และแนวทางที่ให้ความสำคัญกับผู้คน เพื่อช่วยจำกัดความร้อนของโลกให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส และสร้างชุมชนที่แข็งแกร่ง เท่าเทียม และยืดหยุ่น
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่