สหไทย เทอร์มินอล หนึ่งในผู้นำการให้บริการท่าเทียบเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจร เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2020 มีรายได้ 340.49 ล้านบาท ตอกย้ำพื้นฐานยังแกร่ง เชื่อมั่นธุรกิจฟื้นตัว หลังวิกฤติโควิดเริ่มบรรเทา พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง
คุณเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความยินดีที่จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2020 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้ 340.49 ล้านบาท ลดลง 13.37 เปอร์เซ็นต์ จากรายได้ 393.05 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8.47 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 35.82 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ปี 2020 เท่ากับ 6.21 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้หลายประเทศมีมาตรการปิดเมือง (Lockdown) และมีมาตรการต่างๆออกมาเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค โดยรัฐบาลจีนได้ประกาศปิดมณฑลหูเป่ย สั่งปิดสถานที่สําคัญในนครปักกิ่งและนครเซี่ยงไฮ้ รวมไปถึงการปิดด่านศุลกากรในเมืองและมณฑลต่างๆ ซึ่งส่งผลให้การนำเข้าส่งออกเกิดการหยุดชะงักชั่วคราวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ประกอบกับประเทศจีนถือเป็นตลาดหลัก จึงมีผลต่อปริมาณตู้สินค้าที่ผ่านท่าเรืออย่างมีนัยยะสำคัญ
คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ในต้นไตรมาส 2 เริ่มเห็นสัญญาณการค้าระหว่างประเทศที่ดีขึ้น หลังจากที่ประเทศจีนเริ่มคลายมาตรการปิดเมือง และนำเข้าส่งออกสินค้าอีกครั้งหลังจากแก้ปัญหาโรคระบาดได้สำเร็จ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าการนำเข้าส่งออกจะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงแผนการเปิดให้บริการโครงการโลจิสติกส์พาร์ค และศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ได้ในช่วงปลายปี 2020 เช่นเดิม
โดยจะเปิดในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดสอดรับเทรนด์ธุรกิจยุคดิจิทัล ผ่านบริษัท บริษัท Bangkok Logistics Park ซึ่ง บริษัทร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย ในขณะที่โครงการท่าเรือแห่งใหม่แห่งที่ 3 ผ่าน บริษัท Bangkok River Terminal ซึ่งบริษัทฯ ร่วมลงทุนกับบริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของโลก และกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผล เพื่อรองรับการขยายตัวของการนำเข้าและส่งออกของประเทศที่เพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2021
ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ นอกจากจะช่วยขยายฐานเศรษฐกิจของบริษัทฯ ให้ใหญ่และแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยผลักดันให้สหไทย เทอร์มินอล ก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับสากลอีกด้วย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่