PSA Group มุ่งมั่นลดผลกระทบจากภาวะหยุดชะงักในซัพพลายเชนโลก

0
213

ท่าเทียบเรือ PSA Singapore ศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าระดับโลก เดินหน้ายกระดับความสามารถในการปฏิบัติการ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการขนส่งที่เพิ่มขึ้นและลดผลกระทบจากภาวะหยุดชะงักในซัพพลายเชนตั้งแต่ช่วงต้นปี 2024 โดยครอบคลุมถึงการเสริมสร้างศักยภาพของการปฏิบัติการ การก่อสร้างท่าเทียบเรือใหม่ในท่าเรือ Tuas Port และการกลับมาเปิดให้บริการท่าเทียบเรือและพื้นที่ลานตู้สินค้าในท่าเทียบเรือ Keppel Terminal โดยผลลัพธ์คือ เวลาโดยเฉลี่ยที่เรือใช้เวลาในท่าเรือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ลดลง เหลือเพียงสองวันหรือเร็วกว่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากภาวะหยุดชะงักต่างๆ รวมถึงสถานการณ์ทะเลแดงยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ความต้องการและผลกระทบในซัพพลายเชนจึงยังมีความอ่อนไหว ดังนั้น PSA จึงมุ่งมั่นทำงานเคียงข้างผู้ใช้บริการท่ามกลางช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้

ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2024 เป็นต้นมา PSA ได้เผชิญกับความต้องการด้านท่าเทียบเรือที่สูงขึ้น รวมทั้งตารางเรือเทียบท่านอกกำหนดการ เป็นผลให้มีเรือที่เข้ามาในท่าเรือเป็นจำนวนมากในบางวันของสัปดาห์ ทำให้ช่วงเวลารอเทียบท่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากแม้จะเปิดใช้งานท่าเทียบเรือทุกท่าของ PSA แล้ว เรือที่มีขนาดใหญ่ขึ้นต้องการเวลาเทียบท่าที่นานขึ้น ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลากหลายที่เกิดขึ้นพร้อมกัน รวมทั้งสถานการณ์ทะเลแดง ซึ่งส่งผลทางอ้อมต่อความสามารถที่ลดงในการขนส่งสินค้าทั่วโลก ตลอดจนความแออัดในท่าเรือต้นทางและปลายทาง และการงดเข้าเทียบท่าของสายการเรือบางรายเพื่อแก้ไขตารางเดินเรือ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบและขนาดของเรือที่เข้าเทียบท่า

Mr. Ong Kim Pong ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท PSA International กล่าวว่า “ในฐานะโครงการเรือธงของกลุ่มบริษัทฯ ทาง PSA Singapore ยังคงมุ่งมั่นตอบสนองความท้าทายจากความเปราะบางที่เกิดขึ้นและดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนาและความสามารถในการรองรับสินค้าของท่าเรือสอดคล้องตามความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ วิกฤตทะเลแดงได้ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าและการค้าทั่วโลก เราคาดการณ์ว่าสถานการณ์ที่มีความท้าทายนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้ภาวะแออัดภายในท่าเรือมีการขยายเวลาสำหรับชิปเมนท์จากเอเชียไปยังยุโรป PSA กำลังสร้างการเป็นพันธมิตรร่วมกับผู้ใช้บริการและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีแนวความคิดในทำนองเดียวกันในแนวทาง Node-to-Network เพื่อร่วมมือกันระหว่างท่าเรือต้นทางและปลายทางให้ดีขึ้น ทั้งยังยกระดับความน่าเชื่อถือของตารางเดินเรือและประสิทธิภาพของเครือข่ายโดยรวม ขณะเดียวกัน เรายังมุ่งมั่นขยายเครือข่ายท่าเรือและระบบนิเวศภายในท่าเรือ รวมทั้งเพิ่มความครอบคลุมในระดับโลกของเรา ซึ่งเพิ่มคุณค่าและยกระดับการไหลของสินค้า ด้วยการใช้อุปกรณ์ภายในท่าเรือ ความสามารถด้านการจัดการซัพพลายเชนและบุคลากรของเรา เรายังคงมุ่งมั่นในการยกระดับความร่วมมือกับผู้ใช้บริการของเราในการกล่าวถึงความต้องการท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดระดับโลก”


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Wallem Shipping (Thailand) ต้อนรับเรือสำราญ Genting Dream เข้าเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต
บทความถัดไปConstellar แต่งตั้ง Kuehne+Nagel Singapore เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างเป็นทางการสำหรับงานอีเวนท์ Singapore EXPO