เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์บทใหม่ได้รับการบันทึก ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ด้วยการมาถึงของเรือขนส่งสินค้ายักษ์ใหญ่ที่มีนามว่า ‘MSC Mina’ ของสายการเดินเรือ Mediterranean Shipping Company (MSC) ซึ่งเข้าเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือ ชุด ดี ของ Hutchison Ports Thailand ในฐานะเรือขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยเข้ามาทอดสมอในน่านน้ำไทย ด้วยความยาวตลอดลำกว่า 399.7 เมตร และความกว้าง 61.0 เมตร
LM ได้รับเกียรติจาก Mr. Peter Blohm กรรมการผู้จัดการ บริษัท Mediterranean Shipping (Thailand) Co. Ltd. และ Mr. Stephen Ashworth กรรมการผู้จัดการ Hutchison Ports ประจำประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาพูดคุยและแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเรือ MSC Mina รวมถึงวินาทีสำคัญของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศไทย
The Historic Moment
“ท่าเรือแหลมฉบังนับเป็นท่าเรือที่สำคัญของ MSC ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำ MSC Mina ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือขนส่งตู้สินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีความก้าวหน้าในด้านการใช้พลังงานและเทคโนโลยีมากที่สุดของเรา เข้าสู่ประเทศไทย” Mr. Blohm กล่าว
ขณะที่ Mr. Ashworth กล่าวเสริมว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ MSC Mina สู่ท่าเทียบเรือ ชุด ดี การเข้าเทียบท่าในครั้งนี้นับเป็นหมุดหมายสำคัญ เนื่องจากเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีการเทียบท่าของเรือขนาดใหญ่พิเศษ ทั้งยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าท่าเทียบเรือของเรามีศักยภาพที่จะรองรับเรือขนาดใหญ่พิเศษได้อย่างเต็มที่ และตอนนี้เราพร้อมแล้วที่จะต้อนรับเรือขนาดใกล้เคียงกับ MSC Mina ในอนาคต”
Titans of the Ocean Surface
“MSC Mina เป็นเรือขนส่งสินค้าประเภท Ultra Large Container Ship (ULCS) ในชั้น Gülsün ซึ่งเป็นชั้นเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกองเรือชั้น Gülsün ของ MSC ประกอบไปด้วยเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ยักษ์จำนวน 11 ลำ ซึ่งได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด เพื่อการรักษาสภาพแวดล้อม ความมั่นคง ความปลอดภัย และประสิทธิภาพสูงสุด” Mr. Blohm เผย
โดย MSC Mina มาพร้อมกับพื้นที่ระวางสินค้ากว่า 23,656 ทีอียู เทียบเท่ากับรองเท้า 384 ล้านคู่ หรือรถยนต์ 47,312 คัน อีกทั้งยังมีศักยภาพในการรองรับน้ำหนักถึง 224,989 เดดเวทตัน และสามารถรองรับตู้สินค้าควบคุมอุณหภูมิได้กว่า 2,000 ตู้ ซึ่งช่วยส่งเสริมกระแสการค้าสำหรับสินค้าจำเป็นต่างๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เภสัชภัณฑ์ สินค้าเน่าเสียง่าย รวมถึงสินค้าแช่เย็นและสินค้าแช่แข็ง
สำหรับการเข้าเทียบท่าในประเทศไทยครั้งแรกนี้ เรือ MSC Mina ปฏิบัติการภายใต้บริการรายสัปดาห์ ‘Lion-Jaguar’ ซึ่งเริ่มขยายการบริการมายังประเทศไทยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเป็นการเชื่อมโยงทวีปยุโรป เอเชีย และภูมิภาคชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาเข้าด้วยกัน และมีจุดเด่นจากการเป็นบริการในเส้นทางการค้า Trans-Pacific ที่ให้บริการตรงจากประเทศไทยสู่ชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา โดยไม่ต้องไปรอถ่ายลำสินค้า
สำหรับรอบการเดินเรือของบริการ Lion-Jaguar นั้น จะเริ่มออกเดินทางจาก Busan ไปยัง Ningbo – Shanghai – Yantian แล้วเดินทางต่อไปที่ Tanjung Pelepas ก่อนที่จะข้ามไปยัง Sines – Antwerp – Le Havre – Felixstowe – Algeciras แล้ววนกลับมาที่ Singapore – Laem Chabang – Nansha – Yantian – Shanghai ก่อนที่จะข้ามไปที่ Long Beach และสิ้นสุดที่ Oakland โดยเรือ MSC Mina ได้เดินทางออกจากท่าเรือแหลมฉบังในวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อไปยังท่าเรือ Nansha ตามกำหนดการต่อไป
Propitious Sign for Thailand’s Logistics Industry
นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา MSC Mina เป็นเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ลำที่สอง ที่เข้ามาเทียบท่า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีเรือ MSC Istanbul ซึ่งเป็นเรือขนส่งสินค้าประเภท Very Large Container Ship (VLCS) พื้นที่ระวาง 16,652 ทีอียู เข้าเทียบท่าก่อนหน้านี้
ความถี่ในการต้อนรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่สู่ท่าเรือแหลมฉบังที่เพิ่มมากขึ้นนั้น สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการรองรับและปฏิบัติการเรือขนาดใหญ่ของท่าเรือฯ รวมทั้งศักยภาพของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย ที่พร้อมจะผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น ภายใต้ช่วงเวลาแห่งความผกผัน
“Hutchison Ports Thailand มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศไทย ที่กำลังมีการเติบโต ทั้งนี้ เรือ MSC Mina นั้น นับเป็นหนึ่งในเรือขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การต้อนรับเรือลำนี้สู่ท่าเทียบเรือ ชุด ดี จึงสะท้อนถึงความสามารถของเราในการรองรับเรือขนาดใหญ่พิเศษ ที่ปฏิบัติการอยู่ในตลาดการค้าทั่วโลกได้เป็นอย่างดี” Mr. Ashworth กล่าว
“บริการ Lion-Jaguar ของเรา ส่งเรือขนส่งสินค้าในชั้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมายังท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ MSC ในการขยายธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงความตั้งใจของเรา ในการผลักดันความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย” Mr. Blohm กล่าวปิดท้าย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่