A.P. Moller – Maersk ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรระดับโลก และการท่าเรือซาอุดิอาระเบีย (Mawani) จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างศูนย์กลางโลจิสติกส์แบบครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในซาอุดิอาระเบีย ณ ท่าเรือ Jeddah Islamic โดยได้รับเกียรติจาก Mr. Omar Bin Talal Hariri ประธานการท่าเรือซาอุดิอาระเบีย, Her Excellency Ambassador Liselotte Plesner เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำซาอุดิอาระเบีย, Mr. Abdullah Al Zamil ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Zamil Construction และ Mr. Mohammad Shihab กรรมการผู้จัดการ บริษัท Maersk Saudi Arabia พร้อมทั้งลูกค้าและพันธมิตรของ Maersk มาร่วมในพิธี
โครงการก่อสร้างใหม่ดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่กว่า 225,000 ตารางเมตร โดยจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แบบครบวงจรแห่งแรกในท่าเรือ Jeddah Islamic ที่ให้บริการโซลูชันที่หลากหลาย มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงและลดความซับซ้อนให้กับซัพพลายเชนของลูกค้า Maersk ในซาอุดิอาระเบีย โครงการก่อสร้างนี้มีมูลค่าการลงทุนราว 346 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่เพียงเป็นการพัฒนาโซลูชันโลจิสติกส์แต่ยังเน้นให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนในปฏิบัติการด้านโลจิสติกส์ด้วย โดยจะมีการปรับใช้พลังงานหมุนเวียนภายในศูนย์โลจิสติกส์แห่งนี้ ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างโอกาสทางการงานทั้งทางตรงและทางอ้อมในซาอุดิอาระเบียมากกว่า 2,500 ตำแหน่ง
ภายในโครงการจะประกอบด้วยศูนย์ปฏิบัติการคลังสินค้าและการกระจายสินค้าสำหรับสินค้าทัณฑ์บนและสินค้าทั่วไปซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด พื้นที่ส่วนที่เหลือจะแบ่งเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า การขนส่งสินค้าทางอากาศ และการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LCL) นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในซาอุดิอาระเบีย ภายในศูนย์ฯ จะมีศูนย์บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง (fulfilment centre) สำหรับสินค้าอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะอีกด้วย ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าศูนย์กลางโลจิสติกส์แบบครบวงจรแห่งนี้จะสามารถรองรับปริมาณสินค้าได้ราว 200,000 ทีอียูต่อปี
ในด้านพลังงานหมุนเวียน ศูนย์กลางโลจิสติกส์แบบครบวงจรแห่งนี้จะใช้พลังงานทั้งหมดจากแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคาทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 65,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ รถบรรทุกที่ใช้ปฏิบัติการขนส่งสินค้าภายในพื้นที่จะเป็นรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ มีการออกแบบด้านการจัดเก็บสินค้าเพื่อให้ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้งานระบบอัตโนมัติประสานกับการทำงานของบุคลากรเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะสามารถเพิ่มผลิตภาพการทำงานได้ราว 50 เปอร์เซ็นต์ และสามารถลดการปล่อยมลภาวะได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดสรรพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับสินค้าอีคอมเมิร์ซ บริการเพิ่มมูลค่า (VAS) และบริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่งสำหรับการขายแบบหลากหลายช่องทาง (Omni Channel Fulfillment) ด้วย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่