Maersk ร่วมพัฒนาเชื้อเพลิง LEO เพื่อสิ่งแวดล้อม

0
1912

A.P. Moller – Maersk สายการเดินเรือชั้นนำระดับโลก ร่วมกับ Wallenius Wilhelmsen, BMW Group, H&M Group, Levi Strauss & Co. และ Marks & Spencer ในการพัฒนาเชื้อเพลิง LEO ซึ่งเป็นส่วนผสมของลิกนินและเอทานอลเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมขนส่งสินค้า  

การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในอุตสาหกรรมฯ คิดเป็น 2-3 เปอร์เซ็นต์ ของการปล่อย CO2 ทั่วโลกซึ่งเป็นสัดส่วนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากการค้าทั่วโลกจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้จะอยู่ในระดับที่ค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม อุตสาหกรรมฯ จึงจำเป็นต้องหาทางลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน

ด้วยเหตุนี้ Maersk และ Wallenius Wilhelmsen จึงได้ร่วมมือกับ Copenhagen University และลูกค้ารายหลักอย่าง BMW Group, H&M Group, Levi Strauss & Co. และ Marks & Spencer เพื่อสร้างกลุ่มความร่วมมือ LEO Coalition ในการพัฒนาเชื้อเพลิง LEO ให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพเชิงพาณิชย์แก่อุตสาหกรรมขนส่ง ทั้งนี้ลิกนินซึ่งเป็นส่วนประกอบของ LEO เป็นพอลิเมอร์ชีวภาพที่ช่วยให้ผนังเซลล์พืชแข็งแรง โดยเป็นผลผลิตพลอยได้ของลิกโนเซลลูโลสเอทานอลและการผลิตเยื่อไม้และกระดาษ ลิกนินมักถูกนำมาเผาเพื่อผลิตไอน้ำและไฟฟ้า 

ปัจจุบัน Copenhagen University กำลังดำเนินการพัฒนาเชื้อเพลิงที่อาจนำมาใช้ในการเดินเรืออยู่ในระดับห้องแล็บ คาดว่าโครงการนี้จะเข้าสู่ระยะที่สองคือการทดสอบเชื้อเพลิงกับเรือจริงในไตรมาสสองของปี 2020 ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะที่สามซึ่งคือการเพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงดังกล่าว 

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Asia Cold Chain Show ครั้งที่ 5 สะท้อนแนวโน้มที่สดใสของอุตสาหกรรม Cold Chain ในไทยและอาเซียน
บทความถัดไปDrewry เผยช่องทางการค้าออนไลน์ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางเรือ