ตลาดอาหารแช่แข็งเป็นตลาดที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่องและมีอนาคตสดใส จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการประกอบอาหาร รวมถึงการเก็บรักษาที่ยาวนานและสะอาดถูกสุขอนามัย โดยในปี 2020 ตลาดอาหารแช่แข็งทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 244.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตถึง 5 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2025
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้มาพร้อมกับความท้าทายในการจัดการซัพพลายเชนแบบควบคุมอุณหภูมิซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นและมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการจัดการสินค้าภายในคลังสินค้าแช่แข็งที่ต้องคำนึงถึงการหมุนเวียนสินค้าที่รวดเร็วและแม่นยำ ความปลอดภัยของสินค้าและผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงความต่อเนื่องในการดำเนินงานอีกด้วย
โดยที่ผ่านมา รถยกขนสินค้าแบบไร้คนขับได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในคลังสินค้าแช่แข็ง ในการช่วยยกระดับความต่อเนื่องในการปฏิบัติการจากความต้องการหมุนเวียนสินค้าที่สูงขึ้น ลดปัญหาและความผิดพลาดต่างๆ ที่อาจเกิดจากผู้ปฏิบัติงาน (Human Errors) ก้าวข้ามขีดจำกัดด้านการปฏิบัติงานในอุณหภูมิติดลบเป็นระยะเวลานาน และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่สินค้าและผู้ปฏิบัติงานในคลังสินค้าแช่แข็ง โดยอุปกรณ์ยกขนสินค้าชนิดนำทางด้วยระบบเลเซอร์ หรือ Laser-Guided Vehicles (LGV) นับเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ยกขนสินค้าไร้คนขับที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพคลังสินค้าแช่แข็งได้เป็นอย่างดี
Tailormade LGV for Frozen Food Warehouses
รถยกสินค้าแบบ LGV เป็นรถยกสินค้าแบบไร้คนขับประเภทหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติงานโดยใช้วิธีการนำทางอัตโนมัติด้วยแสงเลเซอร์ เมื่อนำไปใช้เพื่อขนย้ายแพเล็ตสินค้าภายในคลังสินค้าแช่แข็ง อุปกรณ์และส่วนประกอบต่างๆ ของรถจะได้รับการปรับแต่งให้ทนต่อสภาพแวดล้อมการทำงานในอุณหภูมิควบคุม ซึ่งโดยส่วนมากคลังสินค้าอาหารแช่แข็งจะต้องรักษาระดับอุณหภูมิที่ -20 องศาเซลเซียส
การปรับแต่งรถ LGV สำหรับใช้งานในอุณหภูมิแช่แข็งนั้นครอบคลุมตั้งแต่ การออกแบบสายไฟที่ใช้ในรถให้มีความยืดหยุ่นในสภาพอุณหภูมิติดลบ การจัดเก็บอุปกรณ์ควบคุมการทำงานหรือส่วนประกอบที่ใช้ในการควบคุมไฟฟ้าของจักรกลไว้ในตู้ให้ความร้อนในตัวรถ การติดตั้งอุปกรณ์ให้ความร้อนร่วมกับอุปกรณ์บันทึกภาพและอุปกรณ์เซ็นเซอร์ทุกตัว รวมถึงสารหล่อลื่นที่ช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะต้องสามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติแม้ในระดับอุณหภูมิแช่แข็ง อีกทั้งยังต้องเป็นสารหล่อลื่นเกรดอาหาร (Food Grade) สำหรับป้องกันการปนเปื้อนสู่อาหารในระหว่างการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ เพื่อให้รถฟอร์คลิฟต์ไม่เพียงทำงานได้ดีและปลอดภัยแต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ด้วย
นอกจากการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับอุณหภูมิติดลบแล้ว ความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานก็ถือเป็นหัวใจสำคัญในการจัดการคลังสินค้าแช่แข็งเช่นกัน ประเด็นเรื่องแบตเตอรี่และการชาร์จไฟสำหรับใช้ในการขับเคลื่อนอุปกรณ์จึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
โดยล่าสุดได้มีการคิดค้นเทคโนโลยีลิเธียมแฟลชแบตเตอรี่ ซึ่งมีประสิทธิภาพคงที่และต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไออนแบบทั่วไป อีกทั้งยังติดตั้งระบบตรวจวัดแบตเตอรี่ระยะไกลซึ่งสามารถรายงานความบกพร่องและสถานะของแบตเตอรี่ได้ตลอดเวลา ช่วยให้ผู้ควบคุมสามารถสั่งการรถที่มีแบตเตอรี่ต่ำเข้าแท่นชาร์จ หรือตั้งระบบชาร์จไฟอัตโนมัติได้ตามสถานะแบตเตอรี่หรือตารางเวลาที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าในคลังแช่แข็งจะได้รับการเคลื่อนย้ายตามความต้องการโดยไม่มีสะดุดตลอด 24 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้น แบตเตอรี่ลิเธียมแฟลชยังสามารถชาร์จไฟได้แบบไร้สายโดยการจอดที่แท่นชาร์จ ทำให้ไม่มีประกายไฟฟ้าเกิดขึ้นขณะเสียบสายไฟ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยภายในคลังสินค้าแช่แข็งได้มากขึ้นยิ่งขึ้น
Precise Navigation System
รถ LGV ปฏิบัติงานโดยการประสานระหว่างฮาร์ดแวร์ (รถฟอร์คลิฟต์) ซอฟต์แวร์ควบคุมซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับระบบอัตโนมัติอื่นๆ ในคลังสินค้า และระบบนำทางด้วยเลเซอร์ซึ่งมีความแม่นยำสูง รถ LGV สำหรับใช้ในคลังสินค้าแช่แข็งรุ่นใหม่จะมีการติดตั้งระบบนำทางหลายระบบ โดยใช้ระบบนำทางด้วยแสงเลเซอร์เป็นหลัก และเสริมด้วยระบบนำทางด้วยภาพ สองระบบนี้สามารถสับเปลี่ยนการทำงานได้อย่างไร้รอยต่อโดยไม่ต้องหยุดเคลื่อนตัวรถ ช่วยให้รถสามารถเดินทางในคลังสินค้าแช่แข็งได้ทั่วบริเวณ รวมไปถึงบางพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยระบบนำทางเพียงแบบเดียว
ระบบนำทางด้วยเลเซอร์จะวัดระยะด้วยหลักการสามเหลี่ยม (Triangulation Navigation) จากเสาเลเซอร์แบบหมุนที่ติดตั้งอยู่ด้านบนตัวรถ โดยสแกนวัตถุเป้าหมายรอบตัวรถ 360 องศา ตรวจแถวชั้นวางสินค้า กำแพง และแท่นจอดรถฟอร์คลิฟต์ แล้วนำผลการรับแสงสะท้อนของเลเซอร์จากวัตถุมาคำนวณระยะห่างจากตัวรถ เพื่อให้รถสามารถระบุตำแหน่งที่อยู่ได้ โดยตำแหน่งที่อยู่นี้จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับแผนผังคลังสินค้าที่บันทึกไว้บนหน่วยความจำของรถ ทั้งนี้ ระบบจะระบุตำแหน่งด้วยการตอบรับแบบเรียลไทม์เพื่อให้รถ LGV อยู่ในเส้นทางตลอดเวลา จากนั้นจึงนำทางไปยังเป้าหมายโดยใช้ข้อมูลตำแหน่งล่าสุด ส่วนระบบนำทางด้วยภาพ จะใช้กล้องซึ่งติดตั้งในตัวรถสำหรับตรวจจับสภาพแวดล้อมเพื่อระบุตำแหน่ง
นอกจากนี้ รถ LGV ยังได้รับการติดตั้งเลเซอร์กันชนสำหรับตรวจจับวัตถุรอบตัวรถ 360 องศา รวมถึงมุมด้านบน เลเซอร์เหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อใช้คำนวณการเร่งความเร็วหรือหยุดรถหากมีสิ่งกีดขวางเส้นทาง และปฏิบัติงานต่อให้ลุล่วงโดยอัตโนมัติเมื่อไม่มีสิ่งกีดขวางแล้ว ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีที่มีผู้ปฏิบัติงานอยู่ในคลังสินค้าแช่แข็ง
Beating the Challenges with Flexibility
รถ LGV ไม่เพียงขึ้นชื่อในเรื่องประสิทธิภาพการทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ระบบนำทางที่แม่นยำ และความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ในคลังสินค้าได้อย่างทั่วถึง แต่ยังเป็นรถยกขนสินค้าไร้คนขับที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานโดยไม่ต้องทำการติดตั้งอุปกรณ์นำทางอื่นๆ เพิ่มเติมภายในคลังสินค้า ทำให้สามารถเริ่มใช้งานอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับรถฟอร์คลิฟต์ไร้คนขับทั่วไปที่ต้องใช้แถบสะท้อนแสง แม่เหล็ก หรือรางในการนำทางร่วมด้วย
อนึ่ง รถฟอร์คลิฟต์ไร้คนขับสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการในการจัดการแพเล็ตสินค้า โดยส่วนใหญ่จะได้รับการออกแบบให้รองรับน้ำหนักสินค้าได้มากกว่า 1.5 ตัน และสามารถยกสินค้าบนชั้นวางสินค้าได้ทั้งแบบ Single-deep และ Double-deep ด้วยงารถที่สามารถยื่นออกได้ ทำให้รถ LGV ตอบสนองการจัดวางสินค้าได้อย่างหลากหลาย และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการขยายคลังสินค้าในอนาคตได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบควบคุมอัตโนมัติอื่นๆ และระบบการจัดการคลังสินค้า (WMS) ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ควบคุมในการติดตามการปฏิบัติงาน ตำแหน่งรถ และข้อบกพร่องต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงานได้ตามปริมาณของสินค้า โดยผู้ควบคุมเพียงหนึ่งคนสามารถสั่งการรถ LGV ได้ทั้งคลังสินค้า และสามารถเพิ่มจำนวนรถปฏิบัติงานได้ทันทีเมื่อต้องการ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมการไหลเวียนของสินค้าในคลังแช่แข็ง
กล่าวได้ว่า จากการเติบโตของตลาดอาหารแช่แข็งที่ผลักดันให้ผู้ประกอบการต้องเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าให้ได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รถยกขนสินค้าไร้คนขับ LGV สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างรอบด้าน ด้วยการขยายขีดความสามารถในการจัดการสินค้าที่มีอัตราการเคลื่อนย้ายสูงให้มีความรวดเร็ว แม่นยำ และต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการปฏิบัติงานของมนุษย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ปฏิบัติงานโดยไม่ต้องทำงานในอุณหภูมิแช่แข็ง พร้อมสนับสนุนการขยายพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อรองรับการขยายกิจการต่อไปในอนาคต
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่