LEO จับมือ FPI จัดอบรม ‘การพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน’ มุ่งสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับธุรกิจในอนาคตด้วยแนวคิด ESG

0
313

บริษัท LEO Global Logistics (LEO) ร่วมมือกับบริษัท Fortune Part Industry (FPI) จัดงานอบรมหลักสูตร ‘การพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน’ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ เข้าใจหลักการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน สร้างระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมวางแผนเพื่อนำไปปฏิบัติจริงและสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับธุรกิจของบริษัทฯ ตามนโยบาย ‘Sustainability & Superb Business Model’ ซึ่งมุ่งดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) โดยการฝึกอบรมครั้งนี้จัดขึ้น ณ โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซต์ กรุงเทพฯ

คุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LEO กล่าวว่า “LEO จัดงานอบรมหลักสูตร ‘การพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน’ เพื่อให้ผู้บริหาร ผู้จัดการ และพนักงานของบริษัทฯ มีความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ ESG เพื่อสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับธุรกิจของบริษัทฯ และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของโลก”

งานอบรมในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคุณสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ และ ดร.ศรุดา ศิริภัทรปรีชา กรรมการบริหารและผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน บริษัท FPI เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ภายในงาน โดยมีคุณเสนีย์ แดงวัง ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนของกิจการ บริษัท FPI พร้อมผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ เข้าร่วมงานอบรมในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ FPI มีหน่วยงานพิเศษสำหรับธุรกิจในการเป็นที่ปรึกษาและจัดอบรมเรื่องการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนให้กับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด ESG โดยเฉพาะ

คุณเกตติวิทย์กล่าวเสริมว่า “LEO มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับกิจกรรมและบริการที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนและการดำเนินงานที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความได้เปรียบในด้านการแข่งขันด้วยแนวคิด ESG ให้กับลูกค้าอย่างตรงจุด ดังนั้น เราจึงมุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อที่จะก้าวสู่การเป็นพันธมิตรด้านกลยุทธ์ที่สามารถช่วยสนับสนุนการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ทั้งนี้ LEO ถือเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกของไทยที่ประกาศแผนการพัฒนาธุรกิจซึ่งให้บริการในลักษณะของ Green Logistics โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการดำเนินงานให้ธุรกิจ Green Logistics สามารถเปลี่ยนเป็น Carbon Credit ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการได้ ช่วยให้ลูกค้าของ LEO ได้รับข้อได้เปรียบทางการแข่งขันด้านการค้าและได้รับการยอมรับในการดำเนินธุรกิจระดับนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรปหรือญี่ปุ่นซึ่งให้ความสำคัญกับแนวคิด ESG และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas: GSG) อย่างมาก


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้APM Terminals ลงทุนสั่งซื้ออุปกรณ์ยกขนตู้สินค้า 240 ตัว มุ่งยกระดับการปฏิบัติการ
บทความถัดไปสมาคมการค้าผู้ให้บริการพิธีการศุลกากรและการขนส่งระหว่างประเทศ (CFA) ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมศุลกากร ครบ 150 ปี
Kittipat Sakulborirak
Writer, film maker, coach and some type of your friend