กว่าสามทศวรรษที่ LEO Global Logistics Public Company Limited (LEO) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่มีความโดดเด่นในด้านเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วโลก ยืนหยัดอยู่ในอุตสาหกรรม รวมทั้งฝ่าฟันอุปสรรคและความ
ท้าทายหลากหลายรูปแบบ และยังคงเดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพองค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง ในวันนี้ LEO ได้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จอีกก้าว ด้วยการเดินหน้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
ในการเดินทางครั้งสำคัญของราชสีห์ทองคำแห่งอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย เราได้รับเกียรติจากคุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LEO Global Logistics มาพูดคุยถึงการเติบโตของบริษัท กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ส่งให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลการันตีมากมาย รวมทั้งวิสัยทัศน์สำหรับการเดินหน้าสู่อนาคตที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
Strong Roots
เนื่องในโอกาสที่จะครบรอบ 30 ปีบริบูรณ์ ในการดำเนินธุรกิจ ในต้นปี 2021 ของ LEO คุณเกตติวิทย์ได้มองย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น เพื่อสะท้อนถึงความเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งขององค์กรว่า “นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ LEO มีพนักงานทั้งหมดเพียง 15 คน จนเมื่อดำเนินกิจการครบขวบปี ก็มีพนักงานเพิ่มขึ้นมาเป็น 40 คน และเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยในขณะนั้น เราเป็นผู้ให้บริการแบบ LCL รายเดียวที่ให้บริการไปยังปลายทางในทวีปเอเชีย อเมริกา และยุโรป ได้อย่างครอบคลุมทั่วโลก ขณะที่ผู้ให้บริการรายอื่นๆ จะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเป็นหลัก”
จุดเปลี่ยนสำคัญที่เป็นดั่งหลักชัยเริ่มต้นของบริษัทฯ คือการได้รับโอกาสเป็นตัวแทนให้กับสายการเดินเรือ Sinokor Merchant Marine ซึ่งเท่ากับเป็นการการันตีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือขององค์กร ส่งผลให้ LEO ได้รับการยอมรับในตลาดมากขึ้น
ขณะที่องค์กรเติบโตขึ้นพร้อมความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่สั่งสมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี LEO ก็สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มอบบริการได้อย่างครอบคลุมทุกความต้องการ “เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เราจึงเสริมบริการให้ครบวงจร พร้อมกับเพิ่มแผนกพิธีการศุลกากร และแผนกบริการรถบรรทุกสินค้า ในขณะเดียวกันก็พยายามให้ลูกค้ามาใช้บริการของเราแบบครบวงจรมากขึ้น จนถึงปี 2016 เราก็สามารถชักชวนลูกค้าให้หันมาใช้บริการแบบครบวงจรได้เกือบถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จากลูกค้าทั้งหมด ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงให้แก่บริษัทฯ และก็เป็นการเพิ่มห่วงโซ่คุณค่าให้กับลูกค้าของ LEO ไปพร้อมๆ กัน” คุณเกตติวิทย์ กล่าว
เพื่อมอบบริการระดับคุณภาพสูงสุดให้แก่ลูกค้า LEO ยังคัดสรรตัวแทนในต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญรอบด้าน และเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายมากที่สุด ซึ่งช่วยให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องรับบริการแบบผูกขาดจากแบรด์เดียว โดย LEO จะคอยดูแลเรื่องการเลือกตัวแทนในต่างประเทศให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด “เรามีหน้าที่สรรหาพันธมิตรที่ดีที่สุด เพื่อนำเสนอโซลูชันที่เปี่ยมคุณภาพมากที่สุดให้แก่ลูกค้า” คุณเกตติวิทย์ กล่าว
Investing in People
นอกจากกิตติศัพท์ในด้านประสิทธิภาพและความเชี่ยวชาญในบริการที่ไม่เป็นรองใครแล้ว LEO ยังผลักดันศักยภาพองค์กรผ่านการพัฒนาบุคลากรอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การจัดอบรมให้ความรู้ทีมงานพัฒนาบริการในด้านบริการต่างๆ พร้อมส่งเสริม บทบาทด้านการเจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ และกำหนดขั้นตอนการคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการประสานการทำงานเพื่อสนับสนุนทีมงานฝ่ายการขาย
“ในธุรกิจบริการ ทรัพยากรที่สำคัญที่สุด คือทรัพยากรบุคคล (Human Capital) ในการที่จะดึงลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่พนักงานขาย ซึ่งเป็นดั่งประตูของบริษัทฯ โดยในทุกๆ ปี เราจะมีการจัดทำแบบสำรวจลูกค้า สอบถามถึงปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ลูกค้าเลือกใช้บริการจาก LEO และคำตอบที่ได้รับมากที่สุดก็คือ ‘พนักงานที่มีคุณภาพ’ รองลงมาคือ ‘พนักงานมีการติดตามงานอย่างใกล้ชิด’ ‘บริษัทมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ’ และ ‘ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า’ ดังนั้น เมื่อลูกค้าให้ความสำคัญกับการได้รับบริการจากบุคลากร เราจึงต้องพยายามมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรของเราให้มีความเป็นมืออาชีพ และมีองค์ความรู้ที่สามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องกับลูกค้าได้มากที่สุด” คุณเกตติวิทย์ กล่าว
LEO ยังแก้ปัญหาด้านการพัฒนาบุคลากร โดยใช้โมเดลที่คล้ายกับเชนค้าปลีกระดับโลกแบรนด์หนึ่ง “เรามอบโอกาสทางการศึกษาและอาชีพให้แก่น้องๆ รุ่นใหม่ ผ่านทุนการศึกษาแบบเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย โดยช่วงฝึกงานจะเป็นช่วงเวลาที่แสดงให้เห็นว่าแต่ละคนนั้นเหมาะสมกับงานประเภทใด เมื่อจบการศึกษาแล้วก็จะมีความพร้อมในการปฏิบัติงานตามที่ได้รับการฝึกฝนมาได้ทันทีและปัจจุบันเรามีนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่เราให้ทุนการศึกษาอยู่ถึง 8 คน และในปีหน้าเราก็มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนนักศึกษาที่จะได้รับทุนเพิ่มขึ้นอีก” คุณเกตติวิทย์ เผย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารผู้มากประสบการณ์ของ LEO มีความเข้าใจในทัศนคติและระบบความคิดของคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะมอบโอกาสให้บุคลากรวัยเยาว์ในการค้นพบตัวเอง และเปิดโอกาสให้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ “จากการศึกษา เราพบว่าเยาวชนรุ่นปัจจุบันมีความกระหายใคร่รู้ในสิ่งใหม่ๆ ต้องการพิสูจน์ความสามารถในการมีความรับผิดชอบ ต้องการเป็นส่วนสำคัญในองค์กร เราจึงพยายามมอบหมายงานที่สร้างโอกาสให้บุคลากรรุ่นใหม่ได้แสดงฝีมือ ภายใต้การกำกับดูแลของพนักงานรุ่นพี่ที่จะทำหน้าที่เป็นเสมือนโค้ชผู้ฝึกสอน”
A Lion Heart
ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา LEO Global Logistics ได้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาอย่างมากมาย ผ่านวิกฤตทางเศรษฐกิจหลายต่อหลายครั้ง ไม่เว้นแม้แต่วิกฤตโรคระบาดระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ การเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้า และก้าวข้ามความท้าทายหรือปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ช่วยสร้างความพร้อมที่จะปรับตัว เพื่อผลักดันธุรกิจไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งให้กับองค์กร “เราผ่านวิกฤตมามากมาย ตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ เหตุการณ์น้ำท่วมประเทศไทย ฯลฯ วิกฤตเหล่านั้นได้สร้างภูมิต้านทานที่แข็งแรงให้กับ LEO ทำให้เราสามารถปรับองคาพยพให้ดียิ่งขึ้นไป” คุณเกตติวิทย์ กล่าว
“โดยในปีที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง สินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งเป็นสินค้านำเข้าที่นิยมในขณะนั้น ลดปริมาณลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เราจึงปรับตัวโดยการสรรหาสินค้าที่นำเข้าเพื่อการผลิต สร้างและขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน LEO มีฐานลูกค้าที่นำเข้าสินค้าเพื่อการผลิตที่มากกว่าสินค้านำเข้าเพื่อการบริโภค” คุณเกตติวิทย์ ยกตัวอย่าง
และในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 LEO ก็ก้าวพ้นอุปสรรค ด้วยตลาดและโหมดบริการขนส่งที่หลากหลาย ซึ่งครอบคลุมทั้งทวีปเอเชียเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกา แคนาดา และยุโรป โดยในช่วงที่ประเทศจีนมีการล็อคดาวน์ ธุรกิจในภูมิภาคดังกล่าวก็ลดลงถึง 25-30 เปอร์เซ็นต์ ทว่าตลาดอื่นที่ยังมีความเคลื่อนไหวก็ช่วยเสริมรับ และทดแทนธุรกิจที่ขาดหายไป ครั้นเมื่อถึงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปริมาณธุรกิจจากฝั่งยุโรปลดปริมาณลง จีนที่กลับมาเปิดดำเนินธุรกิจส่งออกสินค้าอีกครั้งก็กลายเป็นตลาดใหม่ที่เข้ามาทดแทน
คุณเกตติวิทย์ มองว่าธุรกิจโลจิสติกส์นั้น ไม่มีมีวันจางหายไปจากเศรษฐกิจโลก ตราบเท่าที่ยังมีการค้าขาย ก็ยังจำเป็นต้องมีการขนส่งสินค้า ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อมและการปรับตัวอย่างไม่หยุดนิ่ง “เราเปรียบดั่งเรือที่ล่องอยู่เหนือผืนน้ำ หากเศรษฐกิจดี เราก็ลอยขึ้นสูงตามระดับน้ำ หากเศรษฐกิจติดขัด เราก็ลอยต่ำลง แต่เราจะไม่มีวันจมน้ำ”
Roaring Towards a Successful Future
หลังจากที่ก้าวผ่านเส้นทางแห่งอุปสรรคสู่ความสำเร็จมากมาย พร้อมสร้างความเติบโตให้กับองค์กรอย่างมั่นคง บัดนี้ ราชสีห์ทองคำแห่งอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ประเทศไทยก็พร้อมที่จะก้าวสู่ความสำเร็จครั้งใหม่ พร้อมกับต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ ให้งอกเงยยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการผลักดันองค์กรเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
“ปัจจัยที่ผลักดันให้ LEO ก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์มีอยู่สามประการ หนึ่งตัวผมและทีมงานยังมีความสุขและสนุกกับการทำงาน เรายังมีแผนที่จะขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น โดยในเวลา 30 ปีที่ผ่านมา เรามีประสบการณ์มากมาย รวมทั้งทักษะความชำนาญเฉพาะต่างๆ ซึ่งผ่านการลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วนและได้ผลลัพธ์เป็นความสำเร็จกลับมา ณ ปัจจุบัน เรารู้ว่าธุรกิจใดที่ควรจะลงทุนและสร้างความเติบโตให้กับองค์กร และในการที่เราจะสามารถขยายธุรกิจต่อไปอย่างกว้างขวางและมั่นคง เราจำเป็นต้องระดมทุนสาธารณะในตลาดหลักทรัพย์” คุณเกตติวิทย์ กล่าว
การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ยังเป็นการเปิดโอกาสให้บุคลากรของ LEO เข้ามาร่วมเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดย LEO จะมอบสิทธิในการเป็นผู้ถือหุ้นแก่พนักงานทุกคน ตามตำแหน่งและอายุงาน โดยที่บุคลากรทุกๆ คนสามารถซื้อหุ้นบริษัทฯ ได้โดยไร้เงื่อนไขใดๆ และก็ได้รับการตอบรับจากพนักงานทุกๆ คนเป็นอย่างดี “ในวันที่เรากลายเป็นบริษัทมหาชนและมีความมั่นคงมากขึ้น เราจะสามารถดึงดูดบุคลากรระดับคุณภาพจากภายนอกมากมาย ให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ LEO อีกด้วย” คุณเกตติวิทย์ กล่าวเสริม
ปัจจัยประการที่สาม คือการเดินหน้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ จะยังผลให้ LEO สามารถขยายกิจการให้กว้างไกล ด้วยบริการที่มีความหลากหลายมากขึ้น พร้อมขยายขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าในบริการที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย โดยบริษัทฯ มีแผนการระดมทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจมากมาย อาทิ ห้องเก็บของขนาดเล็ก (Self Storage) และธุรกิจเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) ซึ่งบริษัทฯ ได้ทดลองสนามจนชำนาญและประสบความสำเร็จมาแล้ว
“เราใช้เวลาศึกษาธุรกิจ Self Storage มาหลายปีแล้ว แม้จะเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนเริ่มต้นค่อนข้างสูง ทว่า เราเล็งเห็นทิศทางการสร้างผลกำไรที่มากกว่าธุรกิจขนส่งสินค้า อีกทั้ง ธุรกิจดังกล่าวยังใช้ต้นทุนสำหรับการปฏิบัติการที่ต่ำมาก โดยหนึ่งไซต์งานต้องการพนักงานเพียงสองคนเท่านั้น ธุรกิจนี้จึงมีศักยภาพในการสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในระยะยาว เมื่อธุรกิจเข้าถึงจุดที่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้หลายล้านบาทต่อเดือน และที่สำคัญ รายได้ที่ได้รับ จะเป็นรายได้ประเภทต่อเนื่อง (Recurring Income) เนื่องจากบริการห้องเก็บของ เป็นการทำสัญญาระยะยาว” คุณเกตติวิทย์กล่าว
พร้อมกันนั้น LEO ยังตั้งเป้าขยายธุรกิจขนส่งข้ามพรมแดนไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนอีกด้วย “หลังจากที่เราได้ทำการลงทุนในประเทศเมียนมาร์ เราพบว่าภูมิภาคนี้ เช่นในเมียนมาร์ เวียดนาม หรือลาว ยังไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในประเทศไทยมากนัก เราจึงวางเป้าหมายเพื่อบุกเบิกตลาดในประเทศดังกล่าว โดยจะเข้าไปจับมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตให้กับองค์กร” คุณเกตติวิทย์เผย
Offering the Best Customer Experience
แน่นอนว่า เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่ LEO จะได้รับก็คือความมั่นคงทางการเงินที่มากขึ้น ซึ่งจะยังผลไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ ผลลัพธ์จากการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของบริษัทฯ ก็คือผู้ใช้บริการจะได้รับความสะดวกสบายที่มากขึ้น ค่าบริการขนส่งที่ดีขึ้น และการบริการที่ดีขึ้น
“ณ เวลานี้ ลูกค้าต่างก็มองหาผู้ให้บริการแบบครบวงจร องค์กรของเรามุ่งมั่นที่จะเตรียมความพร้อม และเพิ่มพูนความสามารถที่จะขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ เพื่อมอบบริการที่หลากหลายมากขึ้น แม้ในทุกวันนี้เราจะมีปริมาณสินค้าเพียงพอที่จะช่วยให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง แต่ผมยังเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตอีกมากมาย ผมต้องการผลักดัน LEO ให้เป็นหุ้นบลูชิพในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ พร้อมกับเป็นหุ้นที่เติบโตอย่างรวดเร็ว (Exponential Growth) และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอสำหรับผู้ถือหุ้น” คุณเกตติวิทย์เน้นย้ำ
สามทศวรรษที่ผ่านมา LEO ได้พิสูจน์ความเชี่ยวชาญ ความมั่นคง และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ผ่านผลกำไรและรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นเสริมศักยภาพพนักงาน ควบคู่ไปกับการปรับปรุงบริการให้เท่าทันสมัยและมีความหลากหลาย พร้อมกล้าตัดสินใจที่จะปรับตัวตามสถาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนเป็นอนันต์ ภายใต้รากฐานที่มั่นคง
“เราดำเนินกิจการภายใต้การวางแผนเชิงกลยุทธ์ นำหลักการตลาดและเทคนิคใหม่ๆ ในการบริหารธุรกิจเข้ามาใช้ในการบริหารองค์กรอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างผลกำไรสูงสุด ขณะที่มอบบริการคุณภาพที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า” คุณเกตติวิทย์ กล่าวปิดท้าย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่