ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์  จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโลก (End – to – End Global Logistics Services)  รับรางวัล Excellent Logistics Management Award (ELMA) ประจำปี 2019 สาขาผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกสินค้าและบริการดีเด่นประจำปี 2019 (Prime Minister’ s Export Award 2019) ในสาขา BEST SERVICE ENTERPRISE AWARD – Logistics Services

การชนะเลิศทั้งสองรางวัลในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความสามารถในการให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่มีความเป็นเลิศ และยังสะท้อนภาพการให้บริการที่เปี่ยมประสิทธิภาพ โดยจุดเด่นในการให้บริการที่ทำให้พวกเขาสามารถคว้ารางวัลในครั้งนี้ได้ก็คือ บุคลากรที่มีคุณภาพ ถึงพร้อมด้วยความรู้ความสามารถ รวมทั้งระบบการให้บริการที่เป็นเลิศ ที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า 

ในโอกาสอันดีนี้ เราได้พูดคุยกับคุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Leo Global Logistics Public Company Limited (Leo) ซึ่งได้กรุณาเปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินกิจการ บริการใหม่ๆ มาตรฐานและหลักการปฏิบัติงาน รวมถึงวิสัยทัศน์การพัฒนาองค์กรสู่อนาคต ซึ่งล้วนเป็นโครงสร้างหลักที่ส่งผลให้ Leo เติบโตในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่องและมั่นคง  

Best Standards 

แนวทางการดำเนินงานที่เป็นรากฐานสำคัญสู่ความสำเร็จของ Leo นั้น มาจากการบริการที่มีคุณภาพ สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีของตนเอง การวางแผนทำงานอย่างใกล้ชิดและแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ร่วมกับลูกค้า รวมไปถึงการหมั่นปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง และการใช้ระบบบริหารจัดการบริการที่มีมาตรฐาน ทั้งในส่วนกระบวนการในการให้บริการและการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า   

“ในส่วนของการบริหารกระบวนการในการให้บริการนั้น จะมีอยู่ในคู่มือ ‘Quality Manual’ ของบริษัท ตามระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2015 โดยเรามีขั้นตอนการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นระบบ แยกเป็นรายแผนกตามลักษณะการให้บริการของบริษัทฯ มีการจัดทำ Work Instruction ของแต่ละแผนก โดยจัดทำในลักษณะแผนผังและคำอธิบายการให้บริการในแต่ละขั้นตอน ซึ่งง่ายต่อการทำความเข้าใจของพนักงาน เรายังได้จัดตั้ง Leo Academy เพื่ออบรมพนักงานให้มีความรู้และความเข้าใจ ความรู้พื้นฐานในธุรกิจ  ระบบ ISO ตลอดจนขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ” คุณเกตติวิทย์ กล่าว

Leo ยังกำหนดให้จัดทำรายละเอียดการทำงานสำหรับลูกค้า หรือ Standard Operating Procedures (SOP) เฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งจะมีรายละเอียดความต้องการที่แตกต่างกัน โดยทีมงานฝ่ายขายจะจัดทำ SOP ของลูกค้าแต่ละราย สำหรับแจ้งให้ทีมงานฝ่ายบริการลูกค้าทราบถึงรายละเอียดและความต้องการของลูกค้า เพื่อให้สามารถมอบบริการแก่ลูกค้าแต่ละรายได้อย่างถูกต้องและครบถ้วนตามความต้องการของลูกค้า

Reinforced Services

ในปีนี้ Leo ได้เสริมศักยภาพของบริษัทฯ ด้วยบริการใหม่หลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองสังคมดิจิทัล รวมถึงการเพิ่มบริการใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยคุณเกตติวิทย์ได้อธิบายถึงบริการใหม่สำหรับอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของบริษัทฯ ว่า “บริษัทฯ เพิ่มการให้บริการในส่วนของ Last Mile Delivery สำหรับลูกค้า B2C ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยการจับมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัท เอสซีจี ยามาโตะ เอ็กซ์เพรส จำกัด ในการเป็นศูนย์รับและกระจายสินค้าให้กับลูกค้าอีคอมเมิร์ซและลูกค้าที่ต้องการส่งสินค้าแบบเร่งด่วน”   

ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Leo ยังได้ร่วมมือกับบริษัท Kango Express ในสหรัฐอเมริกา โดยเพิ่มบริการจัดส่งสินค้าที่มีการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จากสหรัฐฯ พร้อมจัดส่งถึงมือผู้ซื้อในประเทศไทยในลักษณะ Door-to-Door Service  จุดเด่นและข้อได้เปรียบของการให้บริการ Kango Express คือลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าจากทุกเว็บไซด์ของร้านค้าในอเมริกา รวมไปถึงร้านค้าที่อาจไม่ได้รองรับการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ โดยลูกค้าสามารถใช้ที่อยู่ของ Kango Express ในอเมริกาเป็นที่รับพัสดุจากผู้ขายในสหรัฐฯ และ Kango Express จะตรวจรับสินค้าให้กับลูกค้าว่าตรงตามใบสั่งซื้อหรือไม่ รวมถึงทำการตรวจสอบสภาพของสินค้า พร้อมส่งภาพถ่ายมาให้ลูกค้าได้รับทราบถึงสภาพสินค้า ลูกค้ายังสามารถเลือกว่าจะให้ Kango Express จัดส่งสินค้าทันที หรือจะเก็บสินค้าไว้เพื่อรวมส่งกับสินค้าที่ลูกค้าอาจสั่งซื้อจากผู้ขายรายอื่นๆ (สามารถเก็บไว้ได้สูงสุด 30 วันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) นอกจากนี้ Kango Express ยังช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าขนส่งได้อีกอย่างน้อย 15-20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการขนส่งพัสดุหรือขนส่งด่วนชั้นนำ เนื่องจากทาง Kango Express จะรวบรวมสินค้าจากลูกค้าหลายรายเพื่อจัดส่งออกจากอเมริกาพร้อมกัน (Consolidation)

พร้อมกันนี้ Leo ยังขยายบริการขนส่งสินค้าโครงการและสินค้าที่มีขนาดใหญ่ (Special Equipment, Project & Heavy Lift Cargoes) ที่ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษไปยังประเทศเมียนมาร์ อย่างต่อเนื่อง “ปีที่ผ่านมาเราให้บริการขนเครื่องมือแพทย์ขนาดใหญ่ที่มีราคาสูงซึ่งใช้ในโรงพยาบาล ณ กรุงย่างกุ้ง ทั้งยังให้บริการขนส่งสินค้าแก่ผู้รับเหมาก่อสร้างของประเทศไทยที่รับงานก่อสร้างในเมียนมาร์ โดยมีการขนส่งอุปกรณ์ก่อสร้างทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กจากประเทศไทย  จีน เวียดนาม ไปยังเมียนมาร์สำหรับการก่อสร้างโรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา (Tilawa SEZ)  ผ่านทางเรือและทางรถบรรทุกข้ามแดน (Cross Border Transport) ที่ใช้ระบบ Electronic Seal (E-Seal) เพื่อควบคุมความปลอดภัยของสินค้า และสามารถทำให้ลูกค้าทราบถึงสถานะการขนส่งและการเดินทางของสินค้าตลอดเส้นทาง ซึ่งปัจจุบันมีการก่อสร้างเสร็จไปแล้วสองโรงงาน” คุณเกตติวิทย์ กล่าว

ในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยี Leo ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นลิขสิทธิ์ของตัวเอง อย่าง ‘Book LEOY’ เป็น Mobile Application ที่จะช่วยให้ลูกค้าของบริษัทสามารถทำการจองค่าระวางการให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือในลักษณะสินค้าไม่เต็มตู้ (LCL) การขนส่งประเภทเอกสารและพัสดุด่วน รวมถึงการจองบริการขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกได้ผ่านมือถือที่เป็น Smart Phone และ Tablet ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ และคุ้นเคยกับการติดต่อสื่อสารและการทำงานบน Smart Phone และคอมพิวเตอร์ Tablet  ซึ่งถือเป็นการสร้างความแตกต่าง (Differentiation) และสร้างนวัตกรรม (Innovation) ในด้านการมอบบริการที่สะดวกสบายสำหรับลูกค้าในการใช้บริการขนส่งสินค้า รวมถึงช่วยให้บริษัทสามารถลดต้นทุนในการให้บริการในระยะยาวได้มากขึ้น เนื่องจากสามารถลดขั้นตอนในการบริการลูกค้า (Customer Service) ที่ต้องติดต่อกับลูกค้า และช่วยลดขั้นตอนในการสั่งจองบริการ (booking) โดยดำเนินการผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งจะทำการส่งข้อมูลเข้าตรงสู่ระบบ Front Office ของบริษัทฯ โดยไม่ต้องมีการป้อนข้อมูลซ้ำอีก

นอกจากนี้ Leo ยังมีความมุ่งมั่นในการสื่อสารและสานสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการประชาสัมพันธ์ทางสื่อ Social Media และ Internet Marketing เพิ่มเติม เพื่อให้สอดรับกับวิถีชีวิตปัจจุบัน และเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ ทั้งยังถือเป็นการขยายโอกาสใหม่ๆ และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายที่เชิญชวนให้ลูกค้าติดต่อเข้ามาหาบริษัทฯ เอง (Pull in Customer) โดยไม่จำเป็นต้องให้พนักงานของบริษัทเป็นฝ่ายติดต่อหาลูกค้าก่อน

Award Winning Logistics Services Provider 

คุณเกตติวิทย์กล่าวถึงแนวทางในการบริหารองค์กรที่เป็นรากฐานที่มั่นคงและส่งผลให้บริษัทฯ คว้ารางวัล 2 รางวัลใหญ่แห่งธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์มาครองว่า  Leo มีประสบการณ์ในธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์มากว่า 29 ปี  รวมถึงมีมาตรฐานการทำงานและวิธีการบริหารจัดการองค์กรที่ทันสมัย เช่น ระบบมาตรฐาน ISO, การใช้ระบบ Balanced Score Card, Key Performance Indicator – KPI ในการบริหารจัดการธุรกิจ, มีระบบ Customer & Partner Relationship Management ที่โดดเด่นในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวทั้งกับลูกค้าและคู่ค้าของบริษัท   Leo มีการจัดทำ Business Plan เพื่อวางแผนในการดำเนินธุรกิจรวมทั้งสื่อสารให้พนักงานทุกคนรับทราบถึงเป้าหมายและแผนงานของบริษัทในทุกๆ ปีอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1995”

คุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Leo Global Logistics Public Company Limited (Leo)

พร้อมกันนี้ คุณเกตติวิทย์ยังได้เปิดเผยถึงจุดเด่นที่ผลักดันให้ Leo สามารถชนะรางวัล Excellent Logistics Management Award (ELMA) ประจำปี 2019 สาขาผู้ให้บริการตัวแทนในการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศว่า “เราเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่สามารถให้บริการได้ทุกประเทศทั่วโลก มีพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความสามารถในการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางทะเลและทางอากาศ ใน 193 ประเทศ ด้วยความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการ การบริหารความสัมพันธ์ และการให้บริการที่ Leo มอบให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เรายังสร้างความแตกต่างในการมอบประสบการณ์ที่ดี (Customer Experience) ให้กับลูกค้า ด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เช่น โครงการโรงเรียนนี้เพื่อน้อง กิจกรรม ‘LEO RUN FOR CHILD’ ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้ากับบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนในโครงการซ่อมแซมโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร และยังมีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) เช่น กิจกรรม ‘Exclusive trip’ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และสามารถนำไปสู่ความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า”

โดยคุณเกตติวิทย์กล่าวถึงรางวัลที่ได้รับจากมือ ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ว่า “รางวัล Prime Minister’s Export Award เป็นรางวัลสูงสุดของรัฐบาลที่มอบให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น เพื่อแสดงภาพลักษณ์ของคุณภาพและมาตรฐานของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก และเนื่องจากการได้รับคะแนนในระดับยอดเยี่ยมของรางวัล ELMA ในปีนี้  ส่งผลให้เราได้รับการเสนอชื่อพิจารณาเข้ารับรางวัล Prime Minister’s Export Award 2019ประเภทรางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม สาขาโลจิสติกส์การค้า ซึ่งถือว่าเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของทางทีมผู้บริหารและพนักงานของ Leo  เพราะไม่ได้มีการแจกรางวัล PM Export Award ให้กับผู้ประกอบการในสาขาผู้ให้บริการโลจิสติกส์มาอย่างน้อยมากกว่า 6 ปี และนับตั้งแต่มีการปรับปรุงเกณฑ์การตัดสินรางวัล ELMA ใหม่ในปี 2014”   

Path Towards a Brighter Future

ธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์เป็นธุรกิจที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างต่อเนื่อง Leo ก็พร้อมที่จะปรับตัวให้เท่าทันหรือพยายามที่จะเป็นผู้สร้างนวัตกรรมในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยกระดับองค์กรเพื่อมอบบริการที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา “เราศึกษาและเตรียมการลงทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงระบบ IT และคอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการบริการลูกค้าทั้งในด้าน Front Office และ Back Office จะถูกโอนย้ายไปยังระบบ Web Based บน Cloud System ซึ่งจะเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น รวมถึงลดขั้นตอนการทำงานให้น้อยลง” คุณเกตติวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้ Leo ยังวางแผนขยายบริการเพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่น ขยายการให้บริการห้องเก็บของให้เช่าขนาดเล็ก (Leo Self Storage) โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสาขาที่ให้บริการให้ได้อย่างน้อยปีละ 1 สาขา และให้บริการจัดและกระจายสินค้าสำหรับลูกค้าในกลุ่มอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโตอย่างมาก

พร้อมกันนี้ Leo ยังวางแผนขยายธุรกิจลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) ของบริษัท YJC Depot ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากเล็งเห็นทิศทางของธุรกิจที่มีการเติบโตที่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งยังมีความต้องการในตลาดอีกมาก  โดยคุณเกตติวิทย์ได้เผยถึงการเติบโตในธุรกิจลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัท ว่า “เรากำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาและหาพื้นที่ใหม่สำหรับการขยายบริการเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่ง โดยจะมีพื้นที่ใหญ่กว่าเดิมอย่างน้อย 2 เท่า”

การเดินหน้าขยายองค์กรของ Leo Global Logistics Pcl อย่างต่อเนื่องนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะก้าวเป็นผู้นำในธุรกิจของบริษัทฯ นั่นคือเราจะเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรชั้นนำของไทยที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก โดยมีการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมกับเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในใจของลูกค้าและพนักงาน ภายใต้สโลแกน ‘To be Thailand’s Leading End – to – End Global Logistics Services Provider with sustainable growth and the first company of choice for customers and employee’s mind.’


ร่วมลุ้นรับรางวัลกระเป๋าอเนกประสงค์ จาก LEO รวม 10 รางวัล ดังนี้

  1. กดไลค์และแชร์โพสต์ Facebook (https://bit.ly/36N7Cxz ) พร้อมตั้งค่าเป็น Public (5 รางวัล) หรือ
  2. ตอบคำถามจากบทความ Leo Global Logistics คว้ารางวัลการันตีคุณภาพและเดินหน้าสู่ความสำเร็จอย่างภาคภูมิ (5 รางวัล)

ท่านสามารถร่วมสนุกได้ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2019 และตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีได้ในนิตยสาร LM ฉบับที่ 530 ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2019 หรือในเฟซบุคเพจ facebook.com/ThaiLogisticsManager

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้JWD ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ สู่ผู้นำด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน
บทความถัดไปเปิดวิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนาโครงการท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่สาม