LM มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LEO Global Logistics เกี่ยวกับที่มาของการเตรียมปรับใช้กลยุทธ์ F.A.S.T’24 เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ รวมถึงการนำแนวคิด Smart & Sustainable และ Green Logistics มาปรับใช้ในการให้บริการ พร้อมยกระดับบริการที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าของ LEO Global Logistics

ในปี 2023  บริษัท LEO Global Logistics ได้ใช้กลยุทธ์ 365 Degree Collaboration เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของบริษัทฯ ไปในธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า (Freight) รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า (Non-freight) เพื่อช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจให้แก่ลูกค้ามากกว่าหกโครงการและขยายขีดความสามารถในการบริการขนส่งให้ครอบคลุมและครบวงจรมากยิ่งขึ้น อาทิ การเปิดตัว YJC Depot Container ลานเก็บตู้สินค้าแห่งที่สอง และการเพิ่มสาขาบริการห้องเก็บของขนาดเล็กให้เช่าของ LEO Self Storage สาขา China Town และพระรามสี่ การเปิดบริการ LEO Sourcing & Supply Chain (LSSC) บริษัทตัวแทนในการจัดหาสินค้าจากประเทศไทยที่มีคุณภาพและส่งให้ผู้ซื้อในประเทศจีน นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ได้เพิ่มบริการขนส่งสินค้าทางราง (Rail transport) ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมไปถึงการเปิดตัวบริการ LaneXang Express ที่ดำเนินการขนส่งสินค้าทางรถไฟและขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบไปยังประเทศลาว จีน และประเทศอื่นๆ ตลอดจนบริการคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิระบบอัจฉริยะแห่งแรกของไทย ในชื่อโครงการ The 1st Intelligent & Robotic Cold Chain Bonded Warehouse/Logistics Center in Bangkok ณ ท่าเรือสหไทย การเปิดบริษัท Advantis LEO (Thailand) Limited ที่มอบบริการโลจิสติกส์และคลังสินค้าแบบครบวงจรซึ่งเป็นการร่วมลงทุนระหว่าง LEO และ บริษัท Hayleys Advantis Limited ในเครือ Hayleys PLC. ประเทศศรีลังกา ซึ่งทางบริษัทฯ คาดว่าโครงการเหล่านี้จะสร้างการเติบโตและยอดขายให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องได้ในอนาคต โดยในปี 2024 ที่จะถึงนี้ บริษัท LEO Global Logistics ได้มีการวางแผนต่อยอดและดำเนินงานต่อเนื่องภายใต้ในกลยุทธ์ F.A.S.T’24 เพื่อตอกย้ำถึงความคล่องแคล่วและรวดเร็วในการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

คุณเกตติวิทย์ กล่าวว่า “บริษัทฯ มีการวางแผน ปฏิบัติงานภายใต้แนวคิด F.A.S.T’24  เพื่อให้สอดคล้องกับความท้าทายในการทำธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับแผนงานให้มีความคล่องตัวและรวดเร็วขึ้น แต่ผลการดำเนินการจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้  โดยมุ่งเน้นทั้งการพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่เดิมและธุรกิจใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและขอบข่ายการให้บริการให้กว้างขึ้น”

แนวคิด F.A.S.T’ 24 มีที่มาจากคำว่า F = Focus on Sales Growth เนื่องจากบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายสำหรับการขยายบริการใหม่และธุรกิจใหม่ๆ ให้เติบโตขึ้นมากกว่า 15-20 เปอร์เซ็นต์ จากการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดน ไทย–จีน บริการขนส่งทางรางผ่านเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน และการขนส่งข้ามพรมแดน ไทย-กัมพูชา รวมถึงการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ อาทิ การสร้างคลังสินค้าควบคุมความเย็นอัจฉริยะ (Intelligent Cold Chain Logistics Center ) การเปิดพื้นที่จัดเก็บสินค้า LEO Self Storage แห่งที่สาม สาขาพระรามสี่ และการเปิดบริษัท Advantis LEO Thailand Limited ในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2023

ขณะที่ตัวอักษร A ย่อมาจาก Agile Organization ซึ่งหมายถึงการปรับผังองค์กรใหม่ร่วมกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการทำงานเพื่อให้ทำการทำงานคล่องตัวมากขึ้น การปรับโครงสร้างทีมงานฝ่ายขายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมให้พนักงานรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการสร้างสรรและพัฒนากิจกรรมที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กร  เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ด้วยการขยายฐานลูกค้าและการให้บริการให้กว้างขึ้น

ส่วนอักษร S ย่อมาจาก Sustainability & Superb Business Mode เนื่องจากสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่กำลังเผชิญหน้ากับภาวะโลกร้อน ทำให้แนวโน้มของการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เป็นที่แพร่หลายและได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในทางเดียวกัน บริษัท LEO Global Logistics มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับกิจกรรมและบริการที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน (Sustainability) และการดำเนินงานที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green logistics)  รวมไปถึงใช้ข้อกำหนดในเรื่องของ Carbon Credit และ Carbon footprint รวมไปถึงการนำเรื่องของเทคโนโลยีไอทีและกรีนดิจิทัล มาสร้างความได้เปรียบในเรื่องการแข่งขันเรื่อง ESG ให้กับลูกค้าของเรา นอกจากนี้ LEO ยังได้ร่วมมือกับบริษัทที่ให้บริการด้านแพลทฟอร์มดิจิทัล มาสร้างสรรบริการใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

ขณะที่ตัวอักษร T ย่อมาจาก Terrific Performance สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัท LEO Global Logistics ในปี 2024 ออกมาอย่างยอดเยี่ยม

คุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LEO Global Logistics

เนื่องจากโลจิสติกส์เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดและสภาพการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจึงนับเป็นหนึ่งในหัวใจหลักในการบริหารงาน LEO Global Logistics จึงได้วางแผนขยายโอกาสการเติบโตด้วยการให้บริการไปยังเส้นทางการค้าใหม่ๆ อาทิ อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย รวมไปถึงขุมทรัพย์ทางเศรษฐกิจแห่งใหม่อย่างภูมิภาคเอเชียกลาง  เช่น คาซัคสถาน โดยอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะของทีมงานผู้มีประสบการณ์และมีความเป็นมืออาชีพด้านการให้บริการลูกค้าเป็นอย่างดี

คุณเกตติวิทย์ กล่าวว่า “LEO Global Logistics มีการเตรียมแผนงานสำหรับการขยายฐานลูกค้าให้กับทีมงานฝ่ายขาย พร้อมทั้งมีการติดตามการเพิ่มจำนวนลูกค้าและปริมาณการใช้งานจากลูกค้าทุกไตรมาส โดยในปี 2024 นี้ บริษัทฯ ได้วางแผนจัดฝึกอบรมโปรแกรม LEO Sales Model ซึ่งเป็นโครงการอบรมสำหรับฝ่ายขายที่ทางบริษัทฯ พัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มพูนทักษะและเทคนิคต่างๆ ให้กับทีมงานฝ่ายขาย เพื่อให้สามารถส่งมอบและแนะนำบริการของ LEO Global Logistics ได้ดียิ่งขึ้น และคาดว่าในที่สุดจะส่งผลต่อการขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วย โดยแผนการนี้จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับทีมงานฝ่ายขายในการรับมือ ทำความเข้าใจกับลูกค้า รวมไปถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อกำหนดมาตรฐานและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมในการสร้างสรรและพัฒนากิจกรรมที่สามารถสร้างข้อได้เปรียบให้แก่บริษัทฯ อีกด้วย”

กระแสโลกาภิวัตน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาส่งผลให้เทคโนโลยีต่างๆ เกิดการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ในทางเดียวกัน ราชสีห์แห่งอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อย่าง LEO Global Logistics ก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการปฏิบัติการและให้บริการแก่ลูกค้า ทั้งในส่วนของบริการที่มีอยู่เดิมและธุรกิจใหม่ที่กำลังวางแผนจะเปิดตัวด้วย

โดยทาง LEO Global Logistics ได้นำเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ามาใช้ในการติดตามสินค้า การจัดการขนส่ง และบริหารคลังสินค้า รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนเทคโนโลยีอื่นๆ มาปรับใช้ภายในองค์กร เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและเพิ่มความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล อาทิ โปรแกรม Salesforce ที่ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ทำให้สามารถส่งมอบบริการแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำสูง รวมถึงการจับมือร่วมกับ Zupport ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ ในการพัฒนาฐานเทคโนโลยีใหม่สำหรับลูกค้าที่เป็นผู้นำเข้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านการนำเข้าให้มีความถูกต้องและรวดเร็ว โดยที่ลูกค้าสามารถติดตามการทำงานทุกขั้นตอน สร้างความสะดวกและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและตัวแทนการจัดการที่ต่างประเทศของบริษัทฯ ได้

นอกจากนี้ คุณเกตติวิทย์ ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวนโยบาย Superb Business Model ของบริษัทฯ เพิ่มเติมว่า “เพื่อเป็นการผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาใช้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์มากขึ้น LEO ได้จัดทำโครงการคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิระบบ ระบบอัจฉริยะโดยใช้หุ่นยนต์ (Automation & Robot) ในพื้นที่คลังสินค้าทัณฑ์บน ณ ท่าเรือสหไทย โดยถือเป็นโครงการแรกของไทย ด้วยเป้าหมายในการลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อีกทั้งยังมีแผนที่จะยื่นขอการสนับสนุนการลงทุนจากทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในกลุ่มผู้ใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ยิ่งไปกว่านั้น LEO ได้ตั้งเป้าที่จะทำให้คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิแห่งใหม่เป็นศูนย์ปฏิบัติการโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และมีระบบการบริการจัดการที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดภาวะโลกร้อนด้วย”

ปัจจุบัน ทั่วทั้งอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้หันมาให้ความสนใจต่อแนวคิดโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง LEO Global Logistics ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการที่ตระหนักถึงความสำคัญในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยโครงการริเริ่มหลายโครงการ

เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เริ่มส่งเสริมการจัดการขนส่งและบริหารคลังสินค้าผ่านแนวคิด Sustainable และ Green Logistics โดยได้ติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar rooftop) ซึ่งถือเป็นพลังงานทางเลือกใหม่  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีนำการเทคโนโลยีในการสนับสนุนการทำงานและการติดต่อระหว่างแผนก เพื่อลดการใช้กระดาษและเพิ่มความสามารถในการติดตามข้อมูลในการทำงาน อีกทั้งยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการปฏิบัติการรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“LEO มองว่าการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และยังสามารถเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจที่มีอยู่เดิมได้  ในฐานะที่ LEO เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรและเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ของคนไทยรายแรกที่ได้ประกาศแผนการพัฒนาธุรกิจที่จะให้บริการในลักษณะของ Green Logistics ที่มีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำให้บริการ Green Logistics ของบริษัทฯ สามารถแปรเปลี่ยนเป็น Carbon Credit ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการกับทาง LEO ซึ่งจะทำให้ลูกค้าของเรามีความได้เปรียบทางการแข่งขันและได้รับการยอมรับในการดำเนินธุรกิจในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในประเทศในทวีปยุโรป หรือญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG และการลด Carbon Footprint โดยบริษัทมีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในการให้บริการขนส่งและการกระจายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยใช้รถพลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อลดการปล่อยไอเสียหรือก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ” คุณเกตติวิทย์ กล่าว


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Wallenius Wilhelmsen เติมเชื้อเพลิงชีวภาพ B30 HSFO-Biofuel สำหรับเรือครั้งแรกในเกาหลีใต้
บทความถัดไปท่าเรือยูนิไทย จัดงานแข่งขันกอล์ฟกระชับมิตร UTCT Friendship Golf Tournament 2023