บริษัท LEO Global Logistics ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรชั้นนำ ซึ่งมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมฯ มา 35 ปี เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้กำหนด Business Policy เพื่อเป็นทิศทางในการดำเนินงานของบริษัทฯ ภายใต้กลยุทธ์ “LEO Go Green” ที่จะช่วยให้บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกมิติของแนวคิด Green Logistics เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักที่ LEO Global Logistics ให้ความสำคัญเสมอมา

เพื่อเจาะลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์ LEO Go Green นิตยสาร LM ฉบับนี้จึงมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LEO Global Logistics เกี่ยวกับความสำคัญ วัตถุประสงค์ ความท้าทาย และรายละเอียดของแผนธุรกิจ  ซึ่งถือเป็นแผนที่จะช่วยยกระดับสถานะของ LEO Global Logistics ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรให้เป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน

Provident Visionary

อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้า  โดยทั่วไปถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง ทำให้ในปัจจุบัน ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างมองหาโซลูชันที่จะช่วยลดผลกระทบดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ   โดย LEO Global Logistics เองในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร   ก็พร้อมนำเสนอโซลูชันการให้บริการขนส่งสินค้า รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางอย่างครอบคลุมและไร้รอยต่อ เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของบริษัทฯ

คุณเกตติวิทย์เปิดเผยว่า “LEO Global Logistics เล็งเห็นถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการกระบวนการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อสร้างระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านกระบวนการด้านต่างๆ อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้าง การเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่มีนโยบายด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม การจัดส่งและกระจายสินค้าด้วยระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัย”

โดยวิสัยทัศน์ดังกล่าวสอดคล้องต่อแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment Social and Governance: ESG) ซึ่งถือเป็นแนวคิดสำคัญที่จะช่วยยกระดับความยั่งยืนของบริษัทฯ รวมถึงตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)

 ขององค์การสหประชาชาติได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสอดคล้องต่อกลยุทธ์หลักขององค์กรปี 2025 “LEO GO Green”  ซึ่งเป็นแผนธุรกิจที่ LEO Global Logistics นำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร

Pioneer in Green Logistics

คุณเกตติวิทย์กล่าวว่า “LEO Global Logistics มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับกิจกรรมและบริการโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน   เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของเรา เราจึงได้ประกาศแผนกลยุทธ์ที่พร้อมส่งมอบบริการโลจิสติกส์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “LEO Go Green”  ทำให้ LEO ถือเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรของคนไทยที่ริเริ่มและให้ความสำคัญกับโครงการธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในฐานะผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างแท้จริง”

“LEO Global Logistics มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับกิจกรรมและบริการโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน   เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของเรา เราจึงได้ประกาศแผนกลยุทธ์ที่พร้อมส่งมอบบริการโลจิสติกส์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “LEO Go Green”

– คุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LEO Global Logistics –

Go GREEN

กลยุทธ์  “LEO Go Green”  ประกอบด้วยเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทั้งหมดห้ามิติ ซึ่งสะท้อนผ่านตัวอักษรห้าตัวในคำว่า GREEN ได้แก่ G. Growth in all aspects, R. Robust Performance, E. ESG Focused, E. Empowerment, และ N. New Generation & New Technology

G. Growth in all aspects หมายถึง  การสร้างยอดขายให้เติบโตจากธุรกิจหลักของ LEO Global Logistics ครอบคลุมถึงการสร้างยอดขายในธุรกิจใหม่และธุรกิจร่วมทุน รวมถึงการดำเนินธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องภายใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยในปี 2024 บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานในภาพรวมในทิศทางที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงตั้งเป้าหมายในการขยายขอบเขตการให้บริการและธุรกิจใหม่ๆ ให้เติบโตขึ้นมากกว่า 15-20 เปอร์เซ็นต์ อาทิ การเปิดบริการ LEO Self Storage เพิ่มอีกสองสาขาในกรุงเทพภายในปี 2025 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย   การเปิด LEO COLDBOTIC คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะสำหรับเก็บไวน์ที่ใช้ระบบอัตโนมัติแห่งแรกของประเทศไทย  ในไตรมาส 4 ปี  2024  ซึ่งจะช่วยทำให้ยอดขายของ LEO มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

R. Robust Performance หมายถึง การผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดย LEO Global Logistics ตั้งเป้าหมายในการทำกำไรสุทธิจากยอดขายให้ได้มากกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่เคยอยู่ในระดับ 5-6%

E. ESG Focused หมายถึง การดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน     การพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่อื่นๆ (Scope 3) รวมถึงการนำหลักการ ESG มาปรับใช้ร่วมกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDG)

โดยที่ผ่านมา LEO Global Logistics ได้ริเริ่มโครงการต่างๆ มากมายที่ตอบสนองต่อหลักการ ESG อาทิ

  • การจัดการอบรม ‘การพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน’ เพื่อให้ผู้บริหาร ผู้จัดการและพนักงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของ ESG เพื่อสร้างคุณค่าระยะยาวให้ธุรกิจของบริษัท และผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก
  • โครงการ ‘โรงเรียนนี้เพื่อน้อง’ ซึ่งเป็นโครงการที่จัดทำมามากกว่า 12 ปี เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารและด้อยโอกาสทางการศึกษา ให้มีอาคารเรียนใหม่และมีอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน ที่จะมาช่วยส่งเสริมพัฒนาทักษะการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น  โดยในปัจจุบัน ทางบริษัทฯ ได้จัดทำโครงการมาถึงโครงการที่ 6  ซึ่งเราจะเดินทางไปบูรณะซ่อมแซมอาคารเรียนให้กับ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านทีมู  อ.แม่ระมาด จ.ตาก ในต้นปี 2025 ที่จะถึงนี้
  • โครงการมอบทุนการศึกษาเพื่อผลิตบัณฑิตในสาขาวิชาการจัดการซัพพลายเชนธุรกิจ ที่ LEO ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (SSRU) ที่ทางบริษัทฯ จะทำการคัดเลือกนักศึกษาในต่างจังหวัด ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ในสาขาธุรกิจโลจิสติกส์ มี Passion ที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ มาฟูมฟักและให้การศึกษาในระดับปริญญาตรี พร้อมๆกับการฝึกงานไปด้วยตลอดระยะเวลา 2 ปี 1 เทอมที่เรียน เพื่อให้เติบโตขึ้นมาเป็นสายพันธ์ของคนรุ่นใหม่ในองค์การที่มี DNA ของ LEO อย่างเต็มตัว

โดยโครงการโรงเรียนนี้เพื่อน้องและโครงการมอบทุนการศึกษานักศึกษาในระดับปริญญาตรีโลจิสติกส์นี้ ก็เป็นการตอบโจทย์ SDGs ในเรื่องของ No poverty (SDG 1), Quality education (SDG 4), Reduced inequalities (SDG 10)และ Sustainable cities and communities (SDG 11)

นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังมีโครงการต่างๆ ภายในบริษัทมากมาย ที่ทำให้พนักงานในองค์กรตระหนักถึงความสำคัญในการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมให้แก่พนักงาน เช่น การ recycle อุปกรณ์ภายในบริษัทฯ   การแยกขยะ recycle  ซึ่งสามารถนำไปผลิตเป็นสิ่งของอื่นๆ ได้ เช่น การแยกขยะประเภทขวดน้ำเพื่อนำไปผลิตจีวรพระ การใช้ไฟฟ้าจาก Solar Cells ภายในสำนักงาน  การแยกทิ้งหลอดพลาสติกเพื่อนำไปผลิตเนื้อในของหมอนรองหลังสำหรับผู้ป่วยติดเตียง  หรือแม้กระทั่งเสื้อฟอร์มของพนักงาน ในปี 2024  ทางบริษัทฯ ได้เปลี่ยนเสื้อฟอร์มของพนักงานใหม่ เป็นเสื้อโปโล ธีม Green Logistics  ที่มีความพิเศษในเรื่องของเนื้อผ้าที่ใช้ตัดเย็บ  ซึ่งทำมาจากเส้นใยผ้าที่เหลือใช้ (Textile Waste)  แล้วนำมาปั่นเป็นเส้นด้ายใหม่   รวมถึงกระดุมของเสื้อที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น เปลือกข้าว กากกาแฟ และกะลามะพร้าว ทำให้เสื้อโปโล ธีม Green Logistics  นี้เป็นเสื้อฟอร์มใหม่ ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

E. Empowerment และ N. New Generation & New Technology หมายถึง การส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรรุ่นใหม่ผ่านการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน ผ่านการศึกษาและพัฒนานวัตกรรมรูปแบบใหม่ อาทิ ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือโปรแกรมใหม่ๆ เพื่อให้บริการลูกค้าของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอโปรแกรม PO Management เทคโนโลยีที่จะช่วยปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อภายในองค์กรของลูกค้าให้ง่ายขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและลดการทํางานแบบ Manual ให้ลดลง  และโปรแกรม Salesforce ที่ทางบริษัทฯ ใช้ในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการนำเทคโนโลยีหรือ AI มาใช้ในการบริการลูกค้านี้ จะช่วยในการทำงานของพนักงานให้มีความรวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น รวมถึงพัฒนาระบบการให้บริการให้อยู่ในระบบดิจิทัลเพื่อลดการสิ้นเปลืองในการใช้กระดาษ    ภายใต้เป้าหมายเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการและลดระยะเวลาในการให้บริการลูกค้าให้น้อยลง และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของเรา

Distinct Efforts

แผนกลยุทธ์ LEO Go Green มีวัตถุประสงค์หลักในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ของบริษัท ในด้านต่างๆ อย่างครอบคลุม พร้อมยกระดับความยั่งยืนในผลการดำเนินงาน และมุ่งดำเนินโครงการเพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม

คุณเกตติวิทย์กล่าวถึงแผนธุรกิจ LEO Go Green ว่า “กลยุทธ์ LEO Go Green มีแผนการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งการส่งมอบบริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่สามารถเปลี่ยนเป็นเครดิตคาร์บอน (Carbon Credit) ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของเราได้รับข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และทวีปยุโรป”

“ในด้านการปฏิบัติการ กลยุทธ์ LEO Go Green พร้อมสนับสนุนความได้เปรียบในการแข่งขันทางด้านการค้าให้กับลูกค้าและพันธมิตร   ด้วยการพัฒนาบริการขนส่งสินค้าและกระจายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า การลดการใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดมลพิษหรือขยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซ CO2 ที่เป็นต้นเหตุของภาวะเรือนกระจก การเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืนและรีไซเคิลได้ รวมถึงการสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางเลือก อาทิ การขนส่งสินค้าทางรถไฟ”

“ไม่เพียงเท่านั้น LEO Global Logistics ยังได้จัดฝึกอบรมให้แก่พนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานอย่างยั่งยืน อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไรและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันใหม่ๆ ในการจัดการโลจิสติกส์อย่างยั่งยืน”

LEO COLDBOTIC

หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจแบบ Green Logistics ผ่านกลยุทธ์ LEO Go Green ได้เป็นอย่างดี คือคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ LEO COLDBOTIC ซึ่งนอกจากจะมาพร้อมนวัตกรรมและระบบการจัดการที่พร้อมส่งมอบโซลูชันคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว คลังสินค้าแห่งใหม่ยังมาพร้อมข้อได้เปรียบด้านความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

โดย LEO COLDBOTIC คือ ศูนย์กระจายสินค้าแบบครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่คลังสินค้าทัณฑ์บนของท่าเทียบเรือสหไทย ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานครมากที่สุดแห่งหนึ่ง  มีระบบควบคุมอุณหภูมิฉริยะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์และใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์ด้วยระบบ   4-ways shuttle Automatic รายแรกของประเทศไทยในการจัดเก็บสินค้าประเภท Wine & Spirit   สามารถจัดเก็บสินค้าประเภทไวน์ ในระหว่างช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ 15-18 องศาเซลเซียส ได้มากกว่า 1.2 ล้านขวด  นอกจากนี้ยังสามารถนำเสนอบริการโลจิสติกส์ได้อย่างครบวงจรในลักษณะ End-to-End Global Logistics  เหมาะสำหรับลูกค้าในกลุ่มผู้นำเข้าไวน์ ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม และร้านอาหาร เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้ง ยังได้รับสิทธิ์ BOI ประเภทกิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย (Distribution Center: DC)

นอกจากนี้ คลังสินค้า LEO COLDBOTIC แห่งนี้ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ LEO Go Green  โดยคุณเกตติวิทย์อธิบายว่า “คลังสินค้า LEO COLDBOTIC มีแผนงานที่จะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในการปฏิบัติการคลังสินค้า เพื่อลดการพึ่งพาระบบไฟฟ้าที่มาจาก Fossil รวมถึงการใช้รถ EV Truck ในการจัดส่งสินค้า ไม่เพียงเท่านั้น คลังสินค้าแห่งนี้ยังมาพร้อมระบบการจัดการควบคุมอุณหภูมิที่สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนในการปฏิบัติการ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญ”

Go Green

กลยุทธ์ LEO Go Green ถือเป็นหลักชัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจแบบ Green Logistics ของทั้ง LEO Global Logistics และประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคุณเกตติวิทย์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “LEO Global Logistics จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินกลยุทธ์ LEO Go Green ต่อไป เราจะไม่หยุดพัฒนาและต่อยอดบริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่รวดเร็วและใส่ใจในทุกความต้องการของลูกค้า ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับบริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้าโดยแท้จริง”


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Triple i และมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ลงนาม MOU ความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาการศึกษาและนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์
Kittipat Sakulborirak
Writer, film maker, coach and some type of your friend