Hutchison Ports Thailand มุ่งหน้าสู่ภารกิจพัฒนาท่าเทียบเรือพลังงานสะอาด

0
3189

ท่ามกลางอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่พัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวแปรหลัก ปัจจัยสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากการความเปลี่ยนแปลงทั้งมวลคือ ‘สภาพแวดล้อม’ ซึ่ง ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ตระหนักเป็นอย่างดี ว่าการก้าวสู่หมุดหมายใหม่ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีปฏิบัติการยกขนสินค้าหน้าท่านั้น ต้องควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมให้ยั่งยืนด้วย

The Push

ในภารกิจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ Mr. Stephen Ashworth กรรมการผู้จัดการของ ฮัทชิสัน พอร์ท ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของวิสัยทัศน์ และเป้าหมายในการก้าวสู่อนาคตของท่าเทียบเรือสีเขียวว่า “องค์กร Hutchison ให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่งยวด ขณะที่กำลังพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น เราก็ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของเราด้วย ความตั้งใจในการแก้ปัญหานี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในประเทศไทยเพียงแห่งเดียว หากแต่เป็นปณิธานที่เกินขึ้นในท่าเทียบเรือของ Hutchison ทั้ง 52 แห่งทั่วโลก”

Mr. Stephen กล่าวต่อถึงประเด็นที่ผลักดันให้ Hutchison Ports เดินหน้าสู่ความสำเร็จ ในขณะที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมว่า “ผมทราบว่าประเด็นเรื่องการรักษาสภาพล้อมสำคัญกับคนรุ่นใหม่เป็นอย่างยิ่ง พวกเขามักจะถามถึงนโยบายการรักษาสภาพแวดล้อมกับบริษัทเมื่อเข้าสัมภาษณ์งาน เราจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นเพื่อคนรุ่นหลัง”

อีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญของ Hutchison ในการเดินหน้าสู่แนวคิดท่าเทียบเรือสีเขียวคือ การริเริ่มปฏิบัติงานโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเป็นหลักของสายการเดินเรือต่างๆ ด้วยมาตรการ IMO 2020 ตามข้อกำหนดขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ในการลดการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ หรือกำมะถันลงให้เหลือ 0.5 เปอร์เซ็นต์ จาก 3.5 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน เพื่อลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 เป็นต้นไป

โดย Mr. Stephen ได้อธิบายว่า “ลูกค้าของเราเปิดรับมาตรการ IMO 2020 และสายการเดินเรือที่มีชื่อเสียงต่างๆ ก็เริ่มพูดคุยถึงการรักษาสภาพแวดล้อม สายการเดินเรือหลายแห่งเรียกร้องให้มีการจ่ายพลังงานไฟฟ้าแก่เรือขณะเทียบท่า เพื่อให้เรือสามารถดับเครื่องและลดมลภาวะ ส่วนประธานกรรมการผู้บริหารของเราอย่าง Mr. Eric Ip ก็ตระหนักถึงการแก้ปัญหามลภาวะ เราจึงต้องริเริ่มดำเนินการในทำนองเดียวกัน”

Mr. Stephen ยังเผยอีกว่า ในการนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะหันมารณรงค์การรักษาสภาพแวดล้อม เนื่องจากสำนักงานใหญ่ของ Hutchison Ports อย่าง Hutchison Port Holdings (HPH) ได้จัดตั้งคณะกรรมการสภาพแวดล้อมขึ้น โดยมี Mr. Stephen ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการร่วมกับ Mr. Clemence Cheng กรรมการผู้จัดการภูมิภาคยุโรป เพื่อแก้ปัญหามลพิษที่เกิดจากการปฏิบัติงานท่าเทียบเรืออย่างจริงจังเป็นครั้งแรก                           

ในการแสวงหาแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อรักษาสภาพแวดล้อม คณะกรรมการสภาพแวดล้อมพบว่าท่าเทียบเรือในเครือ Hutchison ของภูมิภาคยุโรป ได้ริเริ่มรณรงค์แก้ปัญหามลพิษอย่างเข้มงวดแล้ว ขณะที่ท่าเทียบเรือในภูมิภาคเอเชียยังต้องการการปลูกฝังและการรณรงค์เพื่อสภาพแวดล้อมที่มากขึ้น

 “เราพบว่ายังมีการใช้งานเอกสารกระดาษ และกระบวนการอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมอยู่อีกมาก แนวคิดของคณะกรรมการนี้คือ ปลูกฝังการคำนึงถึงสภาพแวดล้อมในท่าเทียบเรือทั้ง 52 แห่งให้อยู่ภายใต้บรรทัดฐานเดียวกัน ทั้งนี้ เรายังไม่ได้มองไปถึงการที่จะพัฒนาท่าเทียบเรือเล็กที่ใช้พลังงานดีเซล เช่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือตะวันออกกลาง ให้กลายเป็นท่าเทียบเรือพลังงานไฟฟ้าในทันทีทันใด เรามีกรอบเวลาในการเดินหน้าสู่เป้าหมายนั้น อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ ก็มีขั้นตอนปรับปรุงการปฏิบัติงานเพื่อสภาพแวดล้อมที่สามารถลงมือทำได้ทันที อาทิเช่น การลดมลภาวะทางเสียง ลดขยะ ลดพลาสติก โดยเริ่มต้นจากการปิดไฟเพื่อรักษาพลังงาน ลดการใช้กระดาษ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถวัดผลเป็นตัวเลขได้” Mr. Stephen กล่าว 

The Port

สำหรับประเทศไทย Mr. Stephen เผยว่า Hutchison Ports Thailand (HPT) ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ได้เดินหน้าสู่แนวคิดท่าเรือสีเขียวกับท่าเทียบเรือชุด ดี อย่างเต็มรูปแบบ “ท่าเทียบเรือชุด ดี เป็นตัวอย่างที่ดีของการเดินหน้าภายใต้นโยบายท่าเทียบเรือสีเขียวอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเครนยกตู้สินค้าหน้าท่าและรถคานเคลื่อนที่ยกขนสินค้าชนิดล้อยาง ที่เป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการเผาผลาญพลังงานและลดมลพิษทางเสียง เนื่องจากแถบนำไฟฟ้าที่ทำงานโดยไม่ส่งเสียงรบกวน” Mr. Stephen กล่าว    

ขั้นตอนต่อไปในการพัฒนาท่าเทียบเรือชุด ดี ให้เป็นท่าเทียบเรือพลังงานสะอาด คือการเปลี่ยนขั้นตอนการดำเนินงานในท่าเรือทั้งหมดให้อยู่ภายใต้ระบบดิจิทัล และใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ “เราจะเปลี่ยนประตูทางเข้าท่าเรือเป็นประตูอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดการใช้เอกสารกระดาษ คนขับรถรับสินค้าจะใช้การ์ดเพียงหนึ่งใบในการเข้าท่าเทียบเรือ โดยระบบจะจดจำรถรับสินค้าผ่านขั้นตอนตรวจสอบเลขทะเบียนรถด้วยคลื่นวิทยุ (RFID) และระบุตำแหน่งสินค้าอย่างแม่นยำ กระบวนการนี้เรียบง่ายและรวดเร็ว เช่นเดียวกับการขับรถเข้าลาดจอดรถด้วยการใช้บัตรเพียงใบเดียว” Mr. Stephen เผย

Mr. Stephen ยังกล่าวอีกว่า “ท่าเทียบเรือ Hutchison Ports ณ ท่าเรือ Tanjung Priok Port ในเมือง Jakarta ได้ปรับใช้ระบบประตูทางเข้าอัตโนมัติแล้ว และผลลัพธ์ที่ได้คือปริมาณจราจรหน้าประตูทางเข้าท่าเรือลดลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับประเทศไทย เรากำลังจะปรับใช้ระบบนี้ภายในเวลาสองปีข้างหน้า”

Hutchison Ports ได้ส่งเสริมท่าเทียบเรือชุด ดี ของ Hutchison Ports Thailand ให้เป็นต้นแบบท่าเทียบเรือสีเขียวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในลำดับต่อไป HPT จะเสริมประสิทธิภาพของท่าเทียบเรือด้วยรถบรรทุกสินค้าอัตโนมัติ “สิ่งหนึ่งที่ผมภาคภูมิใจเกี่ยวกับท่าเทียบเรือชุด ดี คือ พวกเราเป็นท่าเทียบเรือรายแรกที่ปรับใช้ระบบควบคุมระยะไกลกับเครนยกสินค้าหน้าท่าและรถคานเคลื่อนที่ยกขนสินค้าชนิดล้อยาง เราเป็นท่าเทียบเรือที่ล้ำสมัย และเมื่อการก่อสร้างเพิ่มเติมของท่าเทียบเรือเสร็จสิ้น เราจะได้การยอมรับว่าเป็นท่าเทียบเรือสีเขียวอย่างแท้จริง”

The People

ในการเดินทางสู่ตำแหน่งท่าเรือสีเขียว บุคลากรทุกคนของ Hutchison Ports Thailand ได้ร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุนี้ HPT จึงให้ความสำคัญกับบุคลากรไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าภาวะแวดล้อมท่าเทียบเรือ “เราให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลในชีวิตทำงานของพนักงานของเรา ความปลอดภัยของพนักงานยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความใส่ใจ ซึ่งระบบควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลสามารถลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงานหน้าท่าได้ ทั้งนี้ เรามีการอบรมพนักงานในเรื่องความปลอดภัยเพิ่มเติมอีกด้วย”

Mr. Stephen และ Hutchison Ports Thailand ยังมีความตั้งใจอันดี ที่จะเผยแพร่ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับระบบควบคุมระยะไกล ด้วยการเปิดศูนย์เยี่ยมชมท่าเรือ หรือ Visitor Centre ณ ท่าเทียบเรือชุด ดี ซึ่งเปิดรับผู้เยี่ยมจากสายการเดินเรือ และสถาบันศึกษาชั้นนำของประเทศไทยเป็นประจำ

ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการพัฒนาองค์กรสู่การเป็นท่าเทียบเรือที่เป็นมิตรต่อโลก พร้อมกับเพิ่มพูนประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย คือปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ Hutchison Ports Thailand ภายใต้การวางกลยุทธ์ของ Mr. Stephen สามารถสร้างความแตกต่างและก้าวเดินสู่การเป็นท่าเทียบเรือที่ยั่งยืนที่สุด   

อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้Nippon Express ร่วมทดสอบรถบรรทุกสินค้าอัตโนมัติครั้งแรกในญี่ปุ่น
บทความถัดไปHapag-Lloyd เปิดสองบริการใหม่ หนุนการเติบโตตลาดอินเดีย