เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา คุณพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เผยว่า ธนาคารฯ ได้ช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าและผู้ประกอบธุรกิจส่งออก นำเข้า และนักลงทุนไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ผ่านมาตรการต่างๆ โดยติดต่อไปยังลูกค้าทุกรายเพื่อสอบถามถึงความเดือดร้อนและจัดแพ็คเกจทางการเงินที่เหมาะสมให้ตามความต้องการของธุรกิจนั้นๆ
โดยมาตรการสนับสนุนธุรกิจส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ของ EXIM BANK ประกอบไปด้วย:
1. พักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาหกเดือน ให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากวิกฤต COVID-19
2. ขยายเงื่อนไขบริการประกันการส่งออก เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยขยายระยะเวลาการชำระเงินที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 270 วัน แก่ผู้ส่งออกที่ถือกรมธรรม์ประกันการส่งออกของ EXIM BANK และส่งออกไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก
3. มอบบริการสินเชื่อ Soft Loan ดอกเบี้ย 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าและผู้ส่งออก
•สินเชื่อระยะยาว 7 ปี สำหรับลูกค้าและผู้ประกอบการทั่วไป วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในปีที่หนึ่งและปีที่สอง
•สินเชื่อระยะสั้น 2 ปี สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินรวมกลุ่มไม่เกิน 500 ล้านบาท วงเงินสูงสุด 20 เปอร์เซ็นต์ ของยอดหนี้คงค้าง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2019 พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมการใช้สินเชื่อ และไม่มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยนานหกเดือน
4. มอบบริการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ให้แก่กิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุนระหว่างประเทศ โดยคิดดอกเบี้ยต่ำสุด 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี พร้อมวงเงินสูงสุด 15 ล้านบาทต่อราย ภายใต้ระยะเวลากู้สูงสุดเจ็ดปี
5. มอบบริการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ดอกเบี้ย 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปี พร้อมวงเงินสูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย ภายใต้ระยะเวลากู้สูงสุดเจ็ดปี
6. มอบบริการสินเชื่อสนับสนุนสินค้าเกษตร อาทิ ผลไม้ และยาง
7. บริการให้คำปรึกษาและแนะนำทางโทรศัพท์ ที่เบอร์ 02-617-2111 (ต่อ 3510-2) พร้อมจัดการอบรมออนไลน์ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถดำเนินการส่งออกได้มากขึ้น โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ EXIM BANK ยังร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในย่างกุ้ง เวียงจันทน์ และพนมเปญ เพื่อให้ข้อมูลเศรษฐกิจและบทวิเคราะห์ธุรกิจ ชี้ช่องทางและโอกาสของผู้ประกอบการไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งยังคงมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก
“EXIM BANK ติดตามสถานการณ์และความเดือดร้อนของลูกค้าและผู้ประกอบการไทยในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและการลงทุน พร้อมทั้งออกมาตรการต่างๆ เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การลดดอกเบี้ย MLR MOR และ MRR ให้อยู่ระดับ 5.75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำที่สุดในระบบธนาคาร ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจส่งออก โดยเฉพาะธุรกิจ SME” คุณพิศิษฐ์กล่าว
อนึ่ง นับตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา EXIM BANK ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 เป็นจำนวนกว่า 4,100 ราย หรือประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์ของผู้ส่งออกทั้งประเทศ ด้วยวงเงินรวมประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งช่วยส่งเสริมปริมาณธุรกิจด้านการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ล้านบาท โดยมีผู้ประกอบการขอรับคำปรึกษาด้านการส่งออกและเข้าร่วมโครงการอบรมหรือสัมมนาออนไลน์กับศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของธนาคารฯ จำนวนกว่า 1,100 ราย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่