DP World ผู้ปฏิบัติการท่าเรือ ท่าเทียบเรือ และโซลูชันซัพพลายเชนชั้นนำระดับโลก เปิดตัวบริการขนส่งสินค้าตรงระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอิรักเป็นครั้งแรก โดยบริการนี้เป็นการขนส่งหางลากพ่วงบรรทุกสินค้าทางทะเลแบบไม่มีคนขับและรถหัวลาก โดยรถพ่วงจะลากหางลากพ่วงมาจอดรอที่หน้าท่า ก่อนที่หางลากจะถูกลากลงเรือในภายหลัง
โดยบริการใหม่นี้ถือเป็นการให้บริการในรูปแบบนี้ครั้งแรกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์โดย P&O Maritime Transports ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ DP World
การปฏิบัติการขนส่งสินค้าผ่านบริการนี้จะใช้เวลาขนส่งประมาณ 36 ชั่วโมง จากท่าเรือ Jebel Ali ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปถึงท่าเรือ Umm Qasr ทางตอนใต้ของอิรัก และถือเป็นทางเลือกทดแทนการขนส่งทางรถบรรทุกข้ามพรมแดนที่อาจใช้เวลานานถึง 14 วัน
สำหรับหางลากพ่วงที่บรรทุกสินค้าเอาไว้จะถูกยกขนลงเรือ RO-RO เพื่อขนส่งไปยังท่าเรือ Umm Qasr ของอิรัก จากนั้น รถบรรทุกท้องถิ่นสามารถลากหางลากไปยังปลายทางสุดท้ายภายในประเทศ และเมื่อส่งมอบแล้ว หางลากพ่วงจะถูกส่งกลับไปยังท่าเรือ Umm Qasr และขนส่งกลับสู่ Jebel Ali
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สินค้าที่ขนส่งทางถนนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปยังอิรักต้องผ่านกระบวนการขนถ่ายระหว่างรถบรรทุกที่ขนส่งมาจากต้นทางเพื่อไปขึ้นบนรถบรรทุกสินค้าที่มีใบอนุญาตในท้องถิ่นของอิรัก ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ใช้เวลานาน ทั้งยังมีความเสี่ยงต่อเหตุสินค้าเสียหาย การปนเปื้อน และความเสี่ยงในแง่ของการรักษาความปลอดภัย ในขณะที่บริการใหม่ของ DP World จะช่วยให้เจ้าของสินค้าและบริษัทโลจิสติกส์สามารถบรรทุกสินค้าขึ้นบนหางลากพ่วงที่ใช้ทะเบียนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้โดยตรงจากในคลังสินค้าหรือพื้นที่ของตัวเอง จัดส่งอย่างปลอดภัยไปยังอิรัก และได้รับหางลากพ่วงคันเดิมคืน โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายสินค้าตลอดเส้นทาง
บริการใหม่นี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการขนส่งสินค้าที่วางบนแพเล็ตหรือสินค้าโครงการ ซึ่งมักเป็นอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก หรือชิ้นส่วนที่ซับซ้อน โดยเรือ RO-RO ที่ออกแบบมาเพื่อกิจกรรมนี้โดยเฉพาะจะช่วยให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการวางแผนและการเคลื่อนย้ายสินค้าขนาดใหญ่บนรถพ่วงชานต่ำและรถพ่วงลากหนักซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับปฏิบัติการขนส่งสินค้าวางกองแบบดั้งเดิม จากการที่สินค้าจะถูกบรรทุกอยู่บนหางลากพ่วงและพร้อมจัดส่งถึงไซต์งานปลายทางในอิรักได้โดยตรง
ทั้งนี้ นอกจากประโยชน์ด้านเวลาและประสิทธิภาพแล้ว บริการใหม่นี้ยังเป็นประโยชน์ในด้านความยั่งยืนอีกด้วย โดยคาดว่าจะช่วยลดจำนวนรถบรรทุกจากท้องถนนลงได้หลายพันคันต่อปี และช่วยลูกค้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้อีกทางหนึ่งด้วย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่