DHL Supply Chain Thailand จับมือ Green Spot เปิดตัวรถบรรทุก 18 ล้อพลังงานไฟฟ้า เดินหน้าสู่เส้นทางโลจิสติกส์ที่ยั่งยืน

0
767

เมื่อเร็วๆ นี้ DHL Supply Chain Thailand ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก ร่วมกับ Green Spot ผู้ผลิตนมถั่วเหลืองชั้นนำของประเทศไทย เปิดตัวรถบรรทุก 18 ล้อพลังงานไฟฟ้าเป็นครั้งแรก โดยกองรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบเหล่านี้สามารถปฏิบัติการได้ในระยะทางสูงสุดถึง 350 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งใช้เวลาชาร์จพลังงานเต็มประสิทธิภาพประมาณสองชั่วโมง โดยคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ประมาณ 60 ตันต่อปี ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสำหรับความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทสู่การสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน

การเปิดตัวรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้านี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในการขนส่งสินค้าของ Green Spot เพื่อให้มั่นใจว่าการขนส่งสินค้าทั้งภายในและภายนอกบริษัทจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเส้นทางการขนส่งสินค้าจะครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งวัตถุดิบจากโรงงานผลิตขวดไปยังโรงงาน Green Spot สาขาหนองแค และสาขารังสิต และขนส่งสินค้าจากโรงงานทั้งสองแห่งไปยังคลังสินค้าคลองหลวง หลังจากนั้น สินค้าจะถูกขนส่งไปยังผู้บริโภคผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดต่างๆ

นอกจากนี้ รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้านี้จะถูกบริหารจัดการโดยศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการด้านการขนส่งของ DHL (DHL Connected Control Tower) โดยมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมายมาปรับใช้ อาทิ Paragon Route Optimization System, Transport Management System, Telematics และ DHL’s MySupplyChain digital platform

Mr. Steve Walker ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท DHL Supply Chain กลุ่มธุรกิจประเทศไทย กล่าวว่า “เรากำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้วยพลังงานสะอาดและยั่งยืนในทุกขั้นตอน ความร่วมมือของ DHL กับ Green Spot ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของทั้งสองบริษัทที่มีร่วมกัน โดยเฉพาะความมุ่งมั่นต่อแนวทางปฏิบัติการที่ยั่งยืน การเปิดตัวรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าของเราถือเป็นเครื่องพิสูจน์อันเด่นชัดถึงความทุ่มเทอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ​​จะช่วยให้เราสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการวางแผนเส้นทางการเดินรถที่มีประสิทธิภาพและการส่งมอบสินค้าอย่างปลอดภัย โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าได้ในทุกขั้นตอนการทำงาน”

คุณโชติ โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท Green Spot กล่าวว่า “แนวทางการดำเนินงานของเราจะมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัยด้านอาหาร และมีคุณค่าทางโภชนาการเป็นหลักเสมอ การเปิดตัวรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าเพื่อขนส่งเครื่องดื่มของเราในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นไปอีกก้าวต่อการปฏิบัติงานที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือกับ DHL Supply Chain Thailand ตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เราจะยังคงมุ่งมั่นนำโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในกระบวนการต่างๆ ในซัพพลายเชนอย่างต่อเนื่องต่อไป”

ความมุ่งมั่นของ Green Spot ในด้านความยั่งยืน ยังครอบคลุมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ลดการสร้างขยะให้น้อยที่สุด และลดอัตราการใช้พลังงาน ด้วยความพยายามอันเต็มเปี่ยมและจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม บริษัทได้กำหนดเป้าหมายที่จะสร้างเสริมสุขภาวะและยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งผู้บริโภคและชุมชนในวงกว้าง นโยบายนี้สะท้อนผ่านการให้ความสำคัญต่อแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน การส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ และการมีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

ปัจจุบัน DHL Supply Chain Thailand  มีการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้จำนวนมากและมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่องในปี 2024 และปีต่อๆ ไป การนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่องนี้ สอดคล้องกับนโยบายการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Transport Policy) ซึ่งเป็นแผนงานเชิงกลยุทธ์ในการใช้โซลูชันการขนส่งที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามแผนงานความยั่งยืนของกลุ่มบริษัท อีกทั้ง นโยบายนี้ยังทำหน้าที่เป็นแบบแผนในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรถบรรทุกโดยใช้ทางเลือกต่างๆ เพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อาทิ การนำน้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน (hydrotreated vegetable oil) ก๊าซชีวภาพ พลังงานไฟฟ้า หรือเครื่องยนต์ไฮโดรเจน มาใช้ เป็นต้น ซึ่งในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มนี้ DHL Supply Chain Thailand ตั้งเป้าที่จะปรับเปลี่ยนรถขนส่งประมาณ 2,000 คัน ทั่วโลกใปใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้นในอนาคต


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้NX Logistics Thailand เปิดตัวรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าคันแรก
บทความถัดไปCNC เปิดตัวบริการใหม่ ‘CTX1’ เชื่อมกัมพูชา จีน และฮ่องกง