DHL ลงนามสัญญากับ MotoE พร้อมเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ของการแข่งขันยานยนต์พลังงานไฟฟ้า

0
218

DHL เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ FIM Enel MotoETM World Championship รายการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตพลังงานไฟฟ้าในการแข่งขัน MotoGP โดยการร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ DHL และ MotoE จะร่วมมือกันส่งเสริมความยั่งยืน มุ่งเน้นยกระดับระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า (e-mobility)

โดยการแข่งขัน MotoE ในฤดูกาลแข่งขันประจำปี 2024 เริ่มขึ้นครั้งแรกในช่วงสุดสัปดาห์ของเดือนมีนาคมที่ผ่านมาในโปรตุเกส โดยเป็นการแข่งขันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์รายการแรกจากทั้งหมดแปดรายการที่จะจัดขึ้นทั่วยุโรป โดยจะมีโลโก้ DHL สีเหลืองแดงอันเป็นเอกลักษณ์ปรากฏในสนามแข่ง

“เรากำลังก้าวสู่การเดินทางอันน่าตื่นเต้นร่วมกับ MotoE เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนและนวัตกรรมของเรา การเป็นพันธมิตรในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ DHL ในการยกระดับ e-mobility ขณะเดียวกันก็พร้อมยกระดับประสิทธิภาพทั้งในและนอกสนามแข่ง” Mr. Elliot Santon หัวหน้าฝ่าย Global Sponsorships บริษัท DHL Express กล่าว

การร่วมเป็นพันธมิตรระหว่าง DHL และ MotoE ในครั้งนี้ เป็นการเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่มีมาตลอดหลายปีของ DHL ภายหลังการเป็นพันธมิตรโลจิสติกส์อย่างเป็นทางการให้กับการแข่งขัน MotoGP นับตั้งแต่ปี 2015 โดย DHL จะมุ่งมั่นขนส่งรถแข่งและอุปกรณ์ต่างๆ ไปยังที่หมายทั่วโลกให้การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชั้นนำระดับโลกรายการนี้

“เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ DHL ได้ขยายการเป็นพันธมิตรในการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทั้งในรายการ MotoE และ MotoGP” Mr. Marc Saurina หัวหน้าฝ่าย Global Commercial Partnerships บริษัท Dorna Sports กล่าว “MotoGP เป็นเหมือนสนามทดลองการแข่งขันที่มีความมุ่งมั่นอย่างมากในเรื่องนวัตกรรมความยั่งยืน และ MotoE ก็เป็นส่วนสำคัญในภารกิจของเราในการสร้างผลกระทบเชิงบวกตามเป้าหมายความยั่งยืนระดับโลก การเป็นพันธมิตรร่วมกับ DHL จึงถือเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จต่อเนื่องในครั้งนี้”

ประสบการณ์ในการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตตลอดระยะเวลาสี่ทศวรรษที่ผ่านมา แสดงให้เห็นความสำเร็จและการเป็นพันธมิตรอันน่าทึ่งที่ DHL มีร่วมรายการแข่งขันต่างๆ ทั้ง Formula 1®, Formula E และ WEC โดย DHL ในเครือ DHL Group ได้ตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนในการปล่อยคาร์บอนเท่ากับศูนย์ให้สำเร็จภายในปี 2050 และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ DHL Group มุ่งมั่นลงทุนเป็นมูลค่ามากกว่าเจ็ดพันล้านยูโรภายในปี 2030 เพื่อดำเนินการโลจิสติกส์สะอาดและเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งรวมถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าราว 60 เปอร์เซ็นต์ในการขนส่งสินค้าระยะ last-mile


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้MSC เตรียมนำเสนอความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งเชอร์รีในงาน Global Cherry Summit 2024
บทความถัดไปMSC Thailand จัดงานสัมมนา Reefer Solution Event นำเสนอบริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิเพื่อผู้นำเข้า-ส่งออกสินค้าประเภทของสดเสียง่าย (Perishables)