CMA CGM Group ร่วมกับ Endangered Species International ยกระดับการอนุรักษ์ปะการัง ภายในเขตสามเหลี่ยมปะการัง (Coral Triangle)

0
506

กลุ่มบริษัท CMA CGM Group และ Endangered Species International (ESI) องค์กรไม่แสวงผลกำไร ได้ลงนามขยายความร่วมมือในการปกป้องและฟื้นฟูปะการังใต้ท้องทะเลเนื้อที่ 6,000 ตร.กม. ของประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์

โดยการขยายความร่วมมือดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่อนุรักษ์และฟื้นฟูปะการังทั้งหมดสามแห่ง ได้แก่ เขตอนุรักษ์ที่ 1 ตั้งอยู่ระหว่างเกาะ Balabac ประเทศฟิลิปปินส์ และเกาะ Pulau Banggi ประเทศมาเลเซีย เขตอนุรักษ์ที่ 2 เกาะ Negros ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศฟิลิปปินส์ และเขตอนุรักษ์ที่ 3 อ่าว Sarangani บนเกาะ Mindanao  ในภาคใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ โดยเขตอนุรักษ์ฯ ทั้งสามแห่งตั้งอยู่ในเขตสามเหลี่ยมปะการัง (Coral Triangle) ซึ่งปัจจุบันแนวปะการังกว่า 85 เปอร์เซนต์ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากการประมงผิดกฏหมาย มลภาวะ รวมถึงการพัฒนาพื้นที่เลียบชายฝั่ง โดยก่อนหน้านี้ ความร่วมมือระหว่างสององค์กรมีระยะเวลาปฏิบัติการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2021 จนถึงเดือนกรกฎาคม ปี 2023 ซึ่งปัจจุบันได้รับการขยายออกไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2025

จากผลการรายงานและการสอบถามชุมชนในพื้นที่ พบว่าปัจจุบัน CMA CGM และ ESI ได้ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศปะการังที่เสียหายภายในเขตสามเหลี่ยมปะการัง ด้วยการประเมินสุขภาพของแนวปะการังและสายพันธุ์ปลาในเขตอนุรักษ์ การลาดตระเวนเพื่อยับยั้งกิจกรรมทางการประมงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อปะการังในเขตอนุรักษ์ที่ 1 การปลูกปะการังในเขตอนุรักษ์ที่ 2 และ 3 เพื่อเพิ่มประชากรปะการัง การกำจัดสายพันธุ์ผู้รุกรานและขยะพลาสติกที่เป็นภัยต่อความเป็นอยู่ของปะการัง และการจัดกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ปะการังและป่าชายเลนประจำปี โดยมีเยาวชนและประชาชนในชุมชนเลียบชายฝั่งเข้าร่วมอย่างน้อย 5,000 คน

ด้วยการขยายความร่วมมือครั้งนี้ การปลูกปะการังในเขตอนุรักษ์ที่ 2 และ 3 จะยังคงดำเนินต่อไป เพื่อยกระดับการอนุรักษ์ปะการัง โดยปัจจุบัน CMA CGM และ ESI สามารถขยายการฟื้นฟูปะการังได้ถึง 50 เปอร์เซนต์ และตั้งเป้าหมายที่จะฟื้นฟูให้ได้ถึง 65 เปอร์เซนต์ ภายในปี 2050 โดยแนวปะการังบนพื้นที่ 2.5 เฮกตาร์ ได้รับการฟื้นฟูจากการปลูกปะการังจำนวน 710 ต้น รวมถึงการกำจัดขยะพลาสติกและสายพันธุ์ผู้รุกราน เช่น ดาวมงกุฏหนาม ออกจากพื้นที่

ปัจจุบัน ปะการังจำนวน 22 สายพันธุ์ ในเขตอนุรักษ์ได้รับการฟื้นฟูกลับมา โดยจำนวนนี้ 15 สายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ตามบัญชีแดงไอยูซีเอ็น (IUCN) อีกด้วย อีกทั้งยังมีการพบเห็นปลาจำนวน 155 สายพันธุ์ ในเขตอนุรักษ์ เพิ่มขึ้น จากเมื่อสองปีก่อนที่พบเห็นเพียง 137 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังสามารถพบเห็นสัตว์น้ำใกล้สูญพันธุ์ อาทิ เต่าทะเลสีเขียว ฉลามวาฬ ม้าน้ำสามจุด ปลากระเบนแมนตาแนวปะการัง และพะยูน ได้บ่อยครั้งมากขึ้น

นอกจากนี้ ผลจากการลาดตระเวนเพื่อตรวจหาการประมงผิดกฏหมายโดยประชาชนในพื้นที่ ส่งผลให้การประมงที่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงจำนวนเจ็ดครั้งได้ถูกยับยั้งและรายงานในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา และนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2022 เป็นต้นมา ก็ไม่พบการประมงที่ผิดกฏหมายในเขตอนุรักษ์อีกเลย

ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้การขยายความร่วมมือครั้งนี้ ทั้ง CMA CGM และ ESI ยังตั้งเป้าหมายที่จะจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปะการังและป่าชายเลนให้แก่เยาวชนอย่างน้อย 5,000 คนในแต่ละปี ในพื้นที่เลียบชายฝั่งของฟิลิปปินส์ และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของปะการังในพื้นที่ ซึ่งสามารถมอบแหล่งอาหารที่ยั่งยืนและรายได้ที่มั่นคง ทั้งยังสามารถปกป้องชุมชนจากพายุได้อีกด้วย


อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่

บทความก่อนหน้านี้K Marine Ship Management และ Solverminds ร่วมพัฒนาโมดูลการจัดการเรือ สำหรับ โปรแกรม SIRE 2.0
บทความถัดไปWan Hai Lines เปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่ในมัลดีฟส์
Kittipat Sakulborirak
Writer, film maker, coach and some type of your friend