A.P. Moller – Maersk เปิดเผยแผนการพัฒนาคลังสินค้าโลจิสติกส์แบบสัญญาจ้างที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำแห่งแรกในเดนมาร์ก โดยเป็นการร่วมมือกับ Taulov Dry Port ศูนย์ปฏิบัติการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบและโลจิสติกส์ ซึ่งตั้งอยู่ใน Fredericia ทางตอนใต้ของเดนมาร์ก โครงการพัฒนาคลังสินค้าแห่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของ Maersk ในการผลักดันขีดความสามารถด้านบริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง (fulfilment) ในเดนมาร์ก
“เรามีความยินดีกับการประกาศเปิดตัวคลังสินค้าโลจิสติกส์สัญญาจ้างสีเขียวแห่งแรกของเราในเดนมาร์ก เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากกำลังมองหาพันธมิตรระยะยาวที่มีศักยภาพในการช่วยลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ Taulov ยังอยู่ในทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมทางยุทธศาสตร์ในยุโรป และจะกลายเป็นส่วนสำคัญในการมอบบริการแก่ลูกค้าในฐานะจุดกระจายสินค้า รวมถึงการเพิ่มมูลค่าผ่านกระบวนการขนส่งต่อเนื่องที่เชื่อมต่อกับท่าเรือ เส้นทางรถไฟ และถนน ซึ่งจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นในกระบวนการขนถ่ายสินค้าโดยการเร่งหรือชะลอความเร็วของกระบวนการซัพพลายเชน” Ms. Birna Odefors กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคนอร์ดิก บริษัท A.P. Moller – Maersk กล่าว
คลังสินค้าแบบสัญญาจ้างสีเขียวแห่งใหม่นี้ได้รับพัฒนาขึ้นตามมาตรฐานอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม ‘BREEAM Excellent’ โดยจะไม่มีการปล่อยมลภาวะโดยตรงจากการปฏิบัติการ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายองค์รวมของ Maersk ในการลดการปล่อยคาร์บอนจากการปฏิบัติการทั้งหมดภายในปี 2040 อาคารแห่งนี้จะมีขนาดพื้นที่ 40,000 ตร.ม. พร้อมเงื่อนไขในการขยายพื้นที่เพิ่มเติมได้อีก 40,000 ตร.ม. มีกำหนดเปิดทำการภายในปี 2024 โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ของ Taulov ทางตอนใต้ของเดนมาร์ก ทั้งยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับปฏิบัติการด้านโลจิสติกส์ในยุโรปเหนือของ Maersk รวมทั้งตอบสนองต่อความต้องการใช้บริการที่กำลังเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ Maersk ตั้งเป้าหมายให้การปฏิบัติการขนส่งสินค้า Cold-Chain และบริการโลจิสติกส์แบบสัญญาจ้างของบริษัทฯ อย่างน้อย 90 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการรับรองว่ามีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในปี 2030
ภายใต้โครงการความร่วมมือครั้งนี้ Taulov Dry Port ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เชิงพาณิชย์และอาคารด้านโลจิสติกส์ จะเป็นผู้พัฒนาอาคารคลังสินค้าแห่งใหม่ตามแบบและคุณลักษณะที่ Maersk เป็นผู้กำหนด และหลังจากนั้นจะปล่อยให้ Maersk เช่าเป็นเวลา 12 ปี พร้อมเงื่อนไขการขยายอายุสัญญาและขนาดโครงการ
ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่ทันสมัย มาตรฐานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และความต้องการด้านซัพพลายเชนที่ยั่งยืนที่กำลังเพิ่มขึ้นของลูกค้าล้วนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้โครงการพัฒนาครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอุปกรณ์ปฏิบัติงานของคลังสินค้าจะเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า รวมทั้งมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์ครอบคลุมหลังคาอาคารทั้งหมด และจะใช้รถบรรทุกพลังงานแบตเตอรี่สำหรับการปฏิบัติการคัดแยกสินค้า ทั้งยังมีแผนสร้างสถานีไฮโดรเจนในบริเวณใกล้เคียงกับโครงการอีกด้วย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่