DHL Express เปิดเผยแผนการขยายกองรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ในสิงคโปร์อีก 80 คัน โดยร่วมมือกับ ComfortDelGro หนึ่งในบริษัทขนส่งสินค้าทางบกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะส่งผลให้ DHL Express Singapore มีกองรถ EV ในสิงคโปร์จำนวน 90 คัน ภายในเดือนตุลาคม ปี 2022 และกลายเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายแรกในสิงคโปร์ที่เปลี่ยนมาใช้รถ EV เชิงพาณิชย์ในจำนวนมากขนาดนี้
ภายในพิธีเปิดตัวดังกล่าว ซึ่งได้รับเกียรติจาก Mr. S. Iswaran รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งสิงคโปร์ ทาง DHL Express Singapore ได้ประกาศว่า บริษัทฯ จะลงทุนราวแปดล้านเหรียญสิงคโปร์ในการเปลี่ยนกองรถในปฏิบัติการให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในห้าปี โดยเงินลงทุนส่วนหนึ่งจะใช้ในข้อตกลงเช่าและบำรุงรักษารถ EV สำหรับรถตู้พลังงานไฟฟ้าจำนวน 80 คัน ผ่านการทำข้อตกลงร่วมกับ ComfortDelGro Rent-A-Car ในเครือ ComfortDelGro และเงินลงทุนอีกส่วนหนึ่งจะใช้ในการติดตั้งจุดชาร์จไฟ 105 จุด ตามศูนย์บริการของบริษัทฯ รวมทั้งในการจัดสรรรถ EV ประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 25 คัน ที่จะช่วยสนับสนุนการปฏิบัติการในส่วนอื่นๆ อาทิ การกระจายสินค้าระหว่างศูนย์ปฏิบัติการ โดยรถอีก 25 คัน ที่เหลือจะมีกำหนดส่งมอบในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
Mr. Ken Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DHL Express ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “เรากำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ด้วยการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติการด้วยพลังงานสะอาด ในฐานะผู้นำด้านโลจิสติกส์การขนส่งสินค้าด่วน เรามีหน้าที่นำทางและโน้มน้าวอุตสาหกรรม ในการลดรอยเท้าคาร์บอนจากการปฏิบัติการโลจิสติกส์ทุกรูปแบบ ซึ่งเราได้สร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมการบินอย่างยั่งยืนร่วมกับพันธมิตรของเราทั้ง Neste และ bp ด้วยการใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน การขยายฝูงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในวันนี้ถือเป็นอีกย่างก้าวสำคัญสู่การปรับปรุงระบบการขนส่งสินค้าทางบกให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
ทั้งนี้ กองรถ EV ใหม่จะเข้ามาแทนที่รถตู้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงกองรถของ DHL Express Singapore เพื่อผลักดันโลจิสติกส์แบบยั่งยืน และสนับสนุนแผนงานความยั่งยืนของบริษัทฯ ทั้งยังสอดคล้องกับแผน Singapore Green Plan 2030 ซึ่งตั้งเป้าให้มีการใช้รถ EV บนท้องถนนของสิงคโปร์มากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้า Citroën ë-Dispatch ในโครงการของ DHL Express Singapore สามารถเดินทางได้ไกล 339 กิโลเมตร และรองรับสินค้าได้ 5.3 ลูกบาศก์เมตร ภายใต้น้ำหนักบรรทุก 1,000 กิโลกรัม สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าจาก 0 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ได้ภายใน 48 นาที และมีการติดตั้งระบบสนับสนุนคนขับซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และยกระดับประสบการณ์การขับขี่บนท้องถนนให้แก่ผู้ปฏิบัติการส่งสินค้าด้วย
อัพเดตข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก่อนใคร ผ่าน Line Official Account @Logistics Mananger เพียงเพิ่มเราเป็นเพื่อน @Logistics Manager หรือคลิกที่นี่